"

Image Hosted by CompGamer Image Host      Image Hosted by CompGamer Image Host
กลับไปยังรายบอร์ด โพสต์ใหม่


  แบตเตอรี่รถยนต์ ทำหน้าที่ป้อนกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ต่างๆของเครื่องยนต์เพื่อให้ทำงานได้ เช่น มอเตอร์สตาร์ท ระบบจุดระเบิด ในขณะที่สตาร์ทรถยนต์ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ป้อนพลังงานให้กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายๆอย่าง ด้วย เช่น ระบบไฟส่องสว่าง วิทยุเครื่องเสียง เป็นต้น

นั่น หมายความว่าแบตเตอรี่รถยนต์จะหมดได้ก็มีอยู่เพียง 2 กรณี นั่นก็คือ

1.เก็บไฟไม่อยู่ หรือ หมดอายุการใช้งาน

2.ไดร์ชาร์จทำงานผิดปกติ หรือ บกพร่อง ซึ่งทำให้ประจุไฟเข้าไปยังแบตเตอรี่ได้น้อยมากไม่เพียงพอต่อการใช้งาน หรือ ไม่สามารถประจุไฟเข้าไปได้เลย


Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP



  สาเหตุที่รถดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ขณะเครื่องยนต์ทำงานแล้วมีอยู่ 2 กรณีคือ
        1. มีการเพิ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าไปภายในรถมากเกินกว่ากำลังไฟที่ไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) จะสามารถผลิตได้ เช่น ติดตั้งเครื่องเสียงเพิ่ม, ติดชุดไฟเพิ่ม
        โดยปกติรถแต่ละรุ่นจะมีความต้องการไฟฟ้า หรือมีเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่เท่ากัน(คิดที่กรณีรถใหม่ออกจากโรงงาน) ซึ่งทางผู้ผลิตรถแต่ละรุ่นจะเลือกขนาดของไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) มาให้เหมาะสมกับความต้องการไฟของรถแต่ละรุ่น แต่เมื่อมีการเพิ่มขึ้นของเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ติดตั้งชุดเครื่องเสียงเพิ่ม, ติดตั้งชุดไฟเพิ่ม ส่งผลทำให้ไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) ไม่สามารถผลิตกระแสไฟได้พอกับความต้องการ ทำให้ต้องมีการดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ และหากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลง

        2. ไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) เริ่มเสื่อม หรือไดอ่อน ไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) เสื่อม แต่ยังไม่เสียมันเลยไม่มีไฟแจ้งเตือนที่หน้าปัดรถยนต์ แต่สามารถตรวจสอบได้ 
        แรงดันไฟที่ไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) รถยนต์สามารถสร้างขึ้นได้จะอยู่ที่ประมาณ 13.9V – 14.5V แต่จะมีบางกรณีที่ไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) ไม่สามารถสร้างแรงดันไฟได้ถึง 13.9V – 14.5V เราเรียกกรณีนี้ว่าอาการ "ไดชาร์จอ่อน" ซึ่งเวลาตรวจสอบว่ารถมีอาการไดชาร์จอ่อนก็คือ สตาร์ทเครื่องแล้วเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าหลัก คือ แอร์ และไฟหน้าค้างไว้ เอาดิจิตอลมิเตอร์ปรับเป็น DC โวลต์ วัดคร่อมระหว่างขั้วบวก และขั้วลบของแบตเตอรี่ค่าแรงดันไฟจากไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) ที่ได้ควรอยู่ระหว่าง 13.9V – 14.5V ถ้าต่ำกว่านี้แสดงว่าประสิทธิภาพการผลิตไฟของไดชาร์จ(อัลเทอร์เน-เตอร์) เริ่มลดลง และถ้าแรงดันไฟจากไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) ต่ำกว่า 13.5V แสดงว่ามีอาการไดชาร์จอ่อนจะส่งผลให้ไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) ไม่สามารถผลิตกระแสไฟได้เพียงพอต่อความต้องการของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในรถ ทำให้ต้องมีการดึงไฟจากแบตเตอรี่ไปใช้ส่งผลให้แบตเตอรี่อยู่ในสภาวะคายไฟ สาเหตุนี้เป็นสาเหตุใหญ่และสาเหตุหลักที่ทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าปกตินั่นเอง


Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP



  แบตเตอรี่รถยนต์นั้นมีอายุงานใช้ได้เพียง 2 ปีครับโดยประมาณนี้ แต่มันอาจมี บวก / ลบ บ้างขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน ซึ่งมีปัจจัยจากความร้อนมากที่สุดที่จะเห็นผลได้ชัดเจนครับ วิ่งมากวิ่งน้อยก็มีส่วนครับ แต่โดยรวมค่าเฉลี่ยมันจะประมาณนี้ละครับ 2 ปี ก็ควรจะเปลี่ยนได้แล้วเพื่อความสะดวกสบายเวลาใช้งานทุกเมื่อไม่ต้องมานั่งลุ้นให้กังวลใจเล่นครับแบตเตอรี่รถยนต์นั้นมีอายุงานใช้ได้เพียง 2 ปีครับโดยประมาณนี้ แต่มันอาจมี บวก / ลบ บ้างขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน ซึ่งมีปัจจัยจากความร้อนมากที่สุดที่จะเห็นผลได้ชัดเจนครับ วิ่งมากวิ่งน้อยก็มีส่วนครับ แต่โดยรวมค่าเฉลี่ยมันจะประมาณนี้ละครับ 2 ปี ก็ควรจะเปลี่ยนได้แล้วเพื่อความสะดวกสบายเวลาใช้งานทุกเมื่อไม่ต้องมานั่งลุ้นให้กังวลใจเล่นครับ


Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP



  - แบตฯ น้ำหรือแห้งดีกว่า ขึ้นกับลักษณะการใช้งานครับ กรณีรถใช้งานหนักเช่นแท็กซี่ ไม่ควรใช้แบตแห้ง ควรใช้แบตฯ น้ำ เพราะเติมน้ำได้เมื่อระดับน้ำลดลง แบตแห้ง(ข้างในมีน้ำทุกลูก)ถ้าน้ำแห้งเติมน้ำไม่ได้เพราะไม่มีช่องเติมน้ำ น้ำแห้งก็จบครับ เสียเงินอีกแล้ว 


Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP



  - คว่ำแบตฯ แล้ว ควรเติมน้ำกรดหรือน้ำกลั่น แล้วจะใช้งานได้อีกนานจริงหรือไม่ / ไม่ควรคว่ำแบตฯทุกกรณี เพียงแต่ชาร์จให้นานพอจนกระทั้งน้ำกรดลอยได้ถพ.1580 อาจต้องใช้เวลา 6 ชั่วโมง 10 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้นก็ได้ การคว่ำแบตทำให้ค่าของกรดเปลี่ยนไปจากเดิม ทำให้แบตฯ เสื่อมเร็ว กรณีแบตฯที่หมดสภาพแล้ว (แผ่นแตก,แผ่นเลื่อน ฯลฯ) ก็ต้องทำใจครับ เพราะถ้าคว่ำแล้วนำกลับมาใช้ได้อีกจริง ๆ ของใหม่คงขายไม่ได้ แต่นี่ของใหม่ก็ขายกันโครม ๆ 


Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP



  - แบตฯเพิ่งซื้อได้ไม่ถึงเดือน ทำไมแบตฯหมดหรือสตาร์ทไม่ได้ / อาจเนื่องจากสาเหตุอื่นที่ไม่เกี่ยวกับแบตฯ เช่น ไดไม่ชาร์ต, ไฟรั่ว, หรือบกพร่องที่ตัวไดสตาร์ทเองก็เป็นได้ 


Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP



  - ทำไมเดี๋ยวนี้แบตฯใช้ได้ปีเดียวเอง / อาจเป็นเพราะใช้แบตฯปิดรุ่นหรือไม่เหมาะกับขนาดของเครื่องยนต์ ปกติมาตฐานผู้ผลิดออกแบบมาให้ใช้ได้ 2 ปี หรือ 4 หมื่นกิโลเมตร ยกเว้นรถที่ใช้เพื่อการพาณิชย์ (แท็กซี่-รถโดยสารที่ใช้งานหนัก)อายุงานก็จะสั้นลง อาจเหลือแค่ปีเดียวครับ 


Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP



  ข้อสังเกตเมื่อแบตเตอรี่เสื่อม

1. เครื่องยนต์เริ่มสตาร์ทติดยาก 
2. ไฟหน้าไม่ค่อยสว่าง 
3. ระบบกระจกไฟฟ้าทำงานช้าลง 
4. ระบบไฟฟ้าในรถทำงานผิดปกติ


Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP



  เมื่อเราใช้แบตเตอรี่ไปได้สัก 1 ปีครึ่ง หรือ 2 ปี แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมสภาพ
หากสังเกตดีๆ เมื่อแบตเตอรี่ใกล้เสื่อมสภาพจะมีสัญญาณเตือนดังนี้
1. เครื่องยนต์เริ่มสตาร์ทติดยาก
2. ไฟหน้าไม่ค่อยสว่าง
3. ระบบกระจกไฟฟ้าทำงานช้าลง
4. ระบบไฟฟ้าในรถทำงานผิดปรกติ


Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP



  หากว่าเรารู้จักการถนอมดูแลรักษาแบตเตอรี่ให้ถูกวิธี จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ของเราได้ไปอีกหลายปีเลยทีเดียว ซึ่งเราสามารถทำได้เองด้วยวิธีการง่ายๆ ดังต่อไปนี้

1. ตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่เสมอ อย่าให้มีรอยแตกร้าว เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ไม่เก็บประจุไฟฟ้า 
2. ดูแลขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาดเสมอ ถ้ามีคราบเกลือเกิดขึ้น ให้ทำความสะอาด 
3. ตรวจสภาพของระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ทุกๆ 1 สัปดาห์ 
4. ตรวจเช็กระบบไฟชาร์จของอัลเตอร์เนเตอร์ ว่าระบบไฟชาร์จต่ำหรือสูงไป ถ้าต่ำไป จะมีผลทำให้กำลังไฟไม่พอใช้ในขณะสตาร์ตเครื่องยนต์ หรือถ้าสูงไปจะทำให้ น้ำกรดและน้ำกลั่นอยู่ภายในระเหยเร็วหรือเดือดเร็วได้ ในช่วงเวลาเดียวกัน 
5. ช่วงที่มีอากาศหนาวหรืออุณหภูมิต่ำ ประสิทธิภาพการแพร่กระจาย ของน้ำกรด และน้ำกลั่นจะด้อยลง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้กระแสไฟมากๆ ขณะอากาศเย็น 
6. ควรศึกษาถึงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่และไดชาร์จ เพื่อที่จะให้วงจรการไหลของไฟฟ้าเป็นไปด้วยดี 
7. ควรเติมน้ำกลั่นให้ได้ตามระดับที่กำหนด ไม่ควรเติมต่ำหรือสูงเกินไป (เติมสูงไป เป็นสาเหตุหลักทำให้ขี้เกลือขึ้นเร็ว แบตสกปรกเร็ว) 


Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

กลับไปยังรายบอร์ด
Image Hosted by CompGamer Image Host Image Hosted by CompGamer Image Host