"

Image Hosted by CompGamer Image Host      Image Hosted by CompGamer Image Host
กลับไปยังรายบอร์ด โพสต์ใหม่
ข้อควรระวัง

      1.ขณะขับรถขึ้นทางชันหรือขึ้นเขาควรเร่งความเร็วให้สม่ำเสมอเพิ่มกำลังเครื่องยนต์อย่างนุ่มนวลแต่อย่าเร่งเครื่องยนต์
อย่างรุนแรงนะครับเพราะนอกจากความเร็วจะไม่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันไปโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย

      2. อย่าใช้เกียร์ว่างในขณะลงเนินชัน หรือลงเขาโดยเด็ดขาด!! เพราะจะทำให้รถไหลลงด้วยความเร็วสูง
โดยไม่มีแรงหน่วงของเครื่องยนต์ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรใช้เกียร์ต่ำ
และค่อยๆปล่อยรถให้ไหลลงเนินตามรอบเครื่องยนต์ และอย่าลืมควบคุมความเร็วของรถให้สัมพันธ์กับเกียร์ ด้วยนะครับ

      3. ควรใช้เกียร์ต่ำ คือเกียร์ 1 หรือ เกียร์ 2 (เกียร์อัตโนมัติคือ L)ในขณะขับรถขึ้นเขา เพราะถ้าใช้เกียร์ที่สูง
อย่างเช่นเกียร์ 3, 4 หรือ 5 จะทำให้เครื่องยนต์ไม่มีกำลังและแรงฉุดมากพอที่จะเคลื่อนที่ขึ้นเนินเขา
นอกจากนี้ยังเป็นการผลาญน้ำมันโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

      สุดท้ายเพิ่มเติมไว้ ตอนขาลงก็ระวังเรื่องเบรกแล้วกันครับ ระวังจะไหม้ซะก่อน ผู้เขียนเคยเเล้ว
รอบเครื่องเบรกก็กลัวเปลืองน้ำมัน ขาลงใช้เบรกมากไปหน่อย ลองเอามือไปเเตะถึงกับมือพองเลยทีเดียวครับ ...
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

เมื่อท่านผู้อ่าน ขับรถเข้าโค้งหักศอกขึ้นเขารูปฟันปลา การขับแบบนี้ต้องให้ผู้ช่วยดูรถด้านซ้ายด้วยโดยมอง
ถนนด้านบนก่อนว่าไม่มีรถสวนลงมา กดแตรรถก่อนจะขับขึ้นไป หลักการขับก็เหมือนเข้าโค้งธรรมดา
จะเลี้ยวซ้ายก็หักพวงมาลัยไปทางขวาก่อนแล้วหักพวงมาลัยไปทางซ้ายเข้าโค้ง เมื่อรถเข้าโค้งล้อหน้าจะเกิดแรงต้าน
รถต้องใช้กำลังมาก ทำให้รถขับขึ้นได้ช้า ควรคืนพวงมาลัยกลับมาบ้าง และเร่งเครื่อง ทำแบบนี้เป็นจังหวะไปมาจนพ้นโค้ง
การขับลงโค้งแบบนี้อย่าใช้ความเร็ว ควรลงช้าๆ ใช้เบรกช่วยชะลอความเร็วแต่อย่าเหยียบแรง ท้ายรถจะปัด
ยิ่งหน้าฝนท้ายรถจะปัดได้ง่าย ถ้าท้ายรถปัดรถจะเสียการทรงตัว ให้หักพวงมาลัยไปทิศทางท้ายรถ เช่น
เลี้ยวซ้ายท้ายรถปัดไปทางขวาก็ให้หักพวงมาลัยไปทางขวา เมื่อรถทรงตัวได้แล้วให้บังคับรถไปในทิศทางที่ต้องการ
ถ้าเอาไม่อยู่ให้เลือกทางภูเขาไว้ก่อน อย่าเลือกทางหน้าผาก็แล้วกัน

      และหากว่าท่านต้องเบรก การเพิ่มระยะทางการเบรก การเบรกรถกะทันหัน รถเราอาจไปชนรถข้างหน้า
ควรเลี้ยวรถดึงพวงมาลัยไปทางไหล่ทาง หรือมีพื้นที่เพื่อเพิ่มระยะทางการเบรก

      ทั้งนี้ การขับรถบนภูเขาที่มีทางคดเคี้ยวไปมาเป็นเวลานานๆ เมื่อถึงทางตรงลงเขายาวไกล อย่าขับเร็วเด็ดขาด
คนขับส่วนมากจะขับเร็วรถมาก อันตรายมากนะครับทางแบบนี้ น้ำหนักรถ ความเร็ว ระยะทางถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เช่น
มีรถ, คน, ฯลฯ ขึ้นจากข้างทางหักหลบไม่พ้นแน่ ถึงจะหักหลบได้แต่รถต้องเกิดอะไรแน่นอน ไม่พลิกคว่ำ
แหกข้างทางเข้าป่า หรือไม่ก็ชนรถที่วิ่งสวนมา

  เมื่อต้องขับรถโค้งต่อเนื่องรูปตัว S ต้องมองให้ไกล มองให้ลึก เมื่อแน่ใจว่าทางว่าง ไม่มีรถสวนมาให้ถอนคันเร่งลง
แล้วเสียบตัดโค้งในแนวการขับเป็นเส้นตรงที่สุด ง่ายไหม? ...ครับ แต่การขับรถลักษณะนี้ถ้าไม่แน่ใจเส้นทางข้างหน้า
หรือทัศนวิสัยไม่ดีควรขับเข้าทางโค้งธรรมดา อยู่ในทางของเราเอง

      นอกจากนี้ ในส่วนการขับในทัศนวิสัยไม่ดี ทางโค้งแคบที่มีสันเขาบังสายตา ควรเข้าโค้งแบบธรรมดา
ต้องบีบแตรส่งสัญญาณทุกครั้งก่อนจะเข้าโค้งเพื่อป้องกันรถที่วิ่งสวนมา เนื่องจากคนที่ขับรถเจ้าถิ่นบนภูเขา
เป็นประจำจะขับรถตัดโค้ง

      และเมื่อต้องเจอกับทางลูกรังหรือทางที่มีหินลอย ทางแบบนี้ถือได้ว่าเป็นทาง ′ปราบเซียน′ กลิ้งกันมาหลายคันครับ
การที่ล้อรถลอยตัวขณะวิ่งเข้าโค้งเราไม่สามารถบังคับได้อย่างที่ต้องการ และการที่เราไม่คุ้นเคยกับเส้นทางมาก่อนก็
ไม่ควรขับรถด้วยความเร็ว
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

รู้ไว้ใช่ว่า! เทคนิค การขับรถขึ้นเขา-ลงเขา ง่ายๆ-ปลอดภัย

การขับรถขึ้นเขา ซึ่งเป็นที่สูง อาจต้องใช้รถยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์มากกว่า 1500 ซีซี ขึ้นไป ส่วนกรณีรถยนต์
อีโคคาร์ 1200 ซีซี ก็พอไปได้แต่ก็ต้องดูแรงบิดของรุ่นให้ดี

หลักการขับรถขึ้นเขาคร่าวๆ พอจะเล่าสู่กันฟังได้ดังนี้ครับ

      เริ่มจากการใช้เกียร์ต่ำ ปรับเปลี่ยนเกียร์ เมื่อรถเสียกำลัง อย่าลากเกียร์จนหมดแรงส่ง ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติ
ให้ใช้เกียร์ 2 ในการขับขึ้นเขาลงเขา และเปลี่ยนไปใช้เกียร์ D บ้าง เมื่อรถอยู่ในทางราบ การขับให้ใช้เกียร์ช่วยตลอดทาง
เกียร์อัตโนมัติไม่พังง่ายๆ

      ขณะที่ เมื่อขับลงเขาที่ลาดชันมากและยาวไกล ก่อนเข้าโค้งให้เปลี่ยนเกียร์จากตำแหน่ง D มา 2 ถ้า 2
ยังเอาไม่อยู่ให้เปลี่ยนมา L แต่อย่าเปลี่ยนเกียร์ขณะฝนตกทางลื่นรถจะเสียการทรงตัว การใช้เกียร์แต่ละเกียร์ควร
ดูสภาพทางเป็นหลักในการพิจารณา

  ส่วนเกียร์ธรรมดาการทำงานจะง่ายกว่า มีเกียร์ให้เล่น 5 ตำแหน่ง และมีคลัทช์ช่วยในการส่งกำลังไปยังล้อตามที่
เราต้องการได้ทุกขณะ แต่เกียร์อัตโนมัติบางรุ่นจะทำงานไม่ได้อย่างที่เราต้องการ เพราะฉะนั้นควรประเมินสภาพ
ทางก่อนใช้เกียร์ดีที่สุด

      ส่วนการขับเข้าโค้งธรรมดาหรือบนภูเขา ควรมองให้ไกลให้ลึกและให้คนนั่งข้างช่วยดูสภาพทางด้วย
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีรถสวนมาให้ใช้วิธีตัดโค้งวิธีนี้จะช่วยให้รถทรงตัวดี, เข้าโค้งได้เร็ว, รถไม่ใช้กำลังมาก
ลูกปืนล้อไม่ทำงานหนัก, ยางก็ไม่ล้มตัวมาก หน้ายางจะสัมผัสผิวถนนได้มากตามไปด้วย แต่ต้องแน่ใจว่าไม่มีรถสวนมา
สมมติจะเข้าโค้งขวาก่อนเข้าโค้งให้ถอนคันเร่งลง หักพวงมาลัยไปทางซ้ายนิดหนึ่ง แล้วหักพวงมาลัยมา
ทางขวาเพื่อทำโค้งให้กว้างขึ้น ใช้พื้นที่ถนนทุกตารางนิ้ว ถ้ารถจะเลี้ยวซ้ายก็ให้เลี้ยวทางขวานิดหนึ่งแล้วเลี้ยวซ้าย
การฝึกใหม่จะรู้สึกฝืนความรู้สึกบ้าง ถ้าขับชำนาญแล้วก็จะชินไปเอง
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

วิธีรับมือ...เมื่อคันเร่งค้าง

คอลัมน์ คาร์ทิปส์ นสพ.มติชนรายวัน

     เหตุการณ์คันเร่งค้างอาจเกิดกับรถคันไหนก็ได้ เพื่อรับมือกับเหตุการณ์นี้ เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย ยานยนต์ "มติชน"
มีข้อมูลมาแนะนำผู้ขับรถยนต์ดังนี้

สาเหตุของคันเร่งค้าง ทำให้รถนั้นเร่งตลอดจนเกิดอุบัติเหตุแบ่งออกได้ 2 สาเหตุหลัก คือความผิดพลาดของตัวผู้ขับเอง
หรือปัญหาจากตัวรถ

     เมื่อเกิดคันเร่งค้าง ผู้ขับขี่อาจตกใจเวลาเจอเรื่องกะทันหัน อาจไปเหยียบคันเร่งแทนเบรก หรือการใส่รองเท้าส้นสูงขับรถ
หรือมีสิ่งของต่างๆ เช่น ขวดน้ำไปขัดกับคันเร่ง กว่าจะถอนจากคันเร่งมาเหยียบเบรกก็ไม่ทันแล้ว

     ส่วนปัญหาเกิดจากตัวรถ อาจเกิดปัญหาคนเร่งจมค้าง ทำให้แป้นเบรกแข็งจนไม่สามารถใช้เบรกเป็นปกติของตัวรถเพื่อ
ป้องกันการเหยียบเบรกพร้อมคันเร่งอยู่แล้ว หรือเบรกมีปัญหา เช่น เบรกจม เบรกแตก ทำให้ห้ามล้อไม่ได้ หม้อเบรกมีปัญหา
ทำให้เบรกแข็งเกินไปจนหยุดรถไม่ทัน

     สำหรับวิธีการรับมือปัญหาเบรกและคันเร่งค้าง กรณีเกิดบนอาคารจอดรถ ตั้งสติให้ดีให้ใส่เกียร์ว่างทันที ทำให้รถไม่เร่งความเร็ว
หลังจากนั้นให้เหยียบเบรกแรงๆ แม้จะไม่รู้สึกเหมือนว่าเบรกก็ต้องเหยียบเบรกไว้ จนรู้สึกว่ารถชะลอตัว

     กรณีเบรกไม่ทัน ให้รีบประคองรถเข้าไปหาจุดที่คิดว่าแข็งแรง ในกรณีเป็นลานจอดรถจุดที่แข็งแรงที่สุดคือเสา
อย่าพุ่งไปที่ผนังหรือกำแพง และเลือกฝั่งที่ไม่มีคนนั่งชนกับเสา เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

     สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดคือการดับเครื่องยนต์ เพราะจะทำให้พวงมาลัยล็อก และเราจะไม่สามารถควบคุมทิศทางของรถ
จนพุ่งตกอาคารได้ หากเป็นทางตรงยาว ให้ดับเครื่องยนต์ได้ทันที จะทำให้เครื่องยนต์ไม่ขึ้นรอบสูงจนเสีย
และประคองรถเข้าข้างทางได้

     นอกจากนี้สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดคือดึงเบรกมือ เพราะรถจะหมุนเสียการควบคุมทันที

     สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมี "สติ" จะช่วยให้แก้ปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่ควรเปิดไฟตัดหมอก?

     โดยปกติแล้ว ไฟตัดหมอกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จะมีการเปิดใช้ก็ต่อเมื่อสภาพอากาศภายนอกแย่จัด
จนส่งผลกระทบต่อทัศนวิสัยเท่านั้น (หากฝนตกปอยๆ แบบใช้ที่ปัดน้ำฝนช้าๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดหรอกครับ)
ให้สังเกตว่าหากเราไม่สามารถมองเห็นไฟท้ายรถคันหน้าท่ามกลางสายฝนในระยะ 50-100 เมตร
ก็สามารถเปิดไฟตัดหมอกช่วยได้แล้วครับ เมื่อทัศนวิสัยกลับมาเป็นปกติก็ให้รีบปิดไฟตัดหมอกโดยทันที


ขับรถทางไกลมืดๆ เปิดไฟตัดหมอกหน้าทิ้งไว้ดีหรือไม่?

     จริงอยู่ที่ว่า เมื่อเปิดไฟตัดหมอกคู่กับไฟหน้า จะทำให้ไฟหน้าดูสว่างขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะส่องได้ไกลขึ้นแต่อย่างใด
แถมยังอาจรบกวนสายตาผู้ร่วมทางที่วิ่งสวนมาอีกต่างหาก ทางที่ดีผู้ที่ต้องขับขี่ทางไกลยามวิกาลบ่อยๆ การลงมือปรับตั้งไฟหน้า
ให้ส่องสว่างได้ไกลขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย จะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า (แต่ต้องไม่ปรับให้สูงจนแยงตารถคันที่สวนมาด้วยนะครับ)

    'ไฟตัดหมอก' ถือเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้มากหากใช้งานอย่างถูกต้อง
หากรถของคุณติดตั้งมาให้ด้วยแล้วล่ะก็ อย่าลืมใช้งานอย่างถูกวิธีด้วยนะครับ
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

'ไฟตัดหมอกหน้า' ส่วนใหญ่มักมีความเข้มของแสงใกล้เคียงกับไฟหน้าฮาโลเจนทั่วไป แต่มีความพิเศษอยู่ที่ลำแสงที่พุ่งออกมานั้น
จะถูกปรับให้ส่องลงพื้นและออกไปทางด้านข้างมากกว่าไฟหน้าปกติ โดยมีวัตถุประสงค์ดั้งเดิมเพื่อให้ผู้ขับสามารถมองเห็น
ขอบถนนได้ง่ายขึ้น ในเวลาที่ทัศนวิสัยด้านหน้าแย่มาก (เช่น ฝนตกหนัก, หมอกลงจัด ฯลฯ) ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถประคองรถ
ให้อยู่ในเลนไปได้เรื่อยๆ

     ขณะที่ไฟตัดหมอกสมัยใหม่จะถูกออกแบบลำแสงให้เลี่ยขนานไปกับพื้นถนนด้วย เพื่อช่วยเสริมการทำงานของไฟหน้าให้ผู้ขับขี่
สามารถมองเห็นทางได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งไฟตัดหมอกประเภทนี้มักพบในรถยุโรป และรถญี่ปุ่นบางยี่ห้อ โดยไฟลักษณะนี้หากเผลอเปิด
ทิ้งไว้ในสภาพอากาศปกติ จะไม่กระทบกับสายตารถที่วิ่งสวนมาเท่าใดนัก (ยกเว้นพื้นถนนเปียกอาจสะท้อนเข้าตาได้เหมือนกัน)

     ส่วนไฟตัดหมอกที่ติดตั้งในรถญี่ปุ่นบางรุ่น มีลักษณะการกระจายแสงไปด้านหน้าแบบทั่วทิศทาง (หากนึกไม่ออกลองนึกถึง
ไฟฉายที่สามารถกระจายแสงได้กว้างๆนั่นแหละ) ซึ่งไฟตัดหมอกประเภทนี้มีประโยชน์ในการช่วยให้ผู้ขับขี่ที่สวนทางมามองเห็น
ได้จากระยะไกลขึ้นกว่าเดิม ในสภาพที่ทัศนวิสัยอยู่ในระดับแย่มาก แต่หากสภาพอากาศเป็นปกติแล้วนั้น
ไฟตัดหมอกประเภทนี้จะแยงสายตาผู้ร่วมทางเป็นอย่างมากเช่นกัน

  ส่วนไฟตัดหมอกหลังนั้น จะมีลักษณะเป็นแสงสีแดงพุ่งตรงไปทางด้านหลัง มีความเข้มของแสงเท่ากับหรือมากกว่า
ไฟเบรกเล็กน้อย เพื่อให้ผู้ขับขี่ที่ตามมาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในสภาวะฝนตกหนักหรือหมอกลงจัด
ช่วยป้องกันอุบัติชนท้ายได้ดีกว่าไฟท้ายปกติ แต่แสงที่ว่าจะแยงตาผู้ร่วมทางเป็นอย่างมาก หากเปิดใช้ในสภาพอากาศปกติ
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

จะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่ควรใช้ “ไฟตัดหมอก“?

  รถยนต์รุ่นใหม่ๆที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน มักจะมาพร้อมอุปกรณ์ส่องสว่างที่เรียกว่า "ไฟตัดหมอก" ซึ่งมีประโยชน์อย่าง
มากหากใช้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของมัน แต่จะกลายเป็นดาบสองคมทันทีหากใช้ผิดที่ผิดทาง

     แล้วแบบนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่ควรเปิดไฟตัดหมอก?  จึงขอแนะนำการใช้งานไฟตัดหมอกอย่างถูกวิธีกันครับ

ไฟตัดหมอกถือว่าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งในรถยุโรปแบรนด์หรูส่วนใหญ่มาร่วม 30 ปีแล้ว ซึ่งมีทั้งที่ติดตั้งไว้ในชุดโคมไฟใหญ่
และแยกออกมาติดตั้งไว้บริเวณกันชน รวมถึงไฟตัดหมอกหลังที่มักอยู่ในชุดโคมเดียวกับไฟท้าย พร้อมสวิตช์ปิด-เปิดอยู่ภายในรถ

     ขณะที่รถจากฝั่งญี่ปุ่นนั้น 'ไฟตัดหมอก' ก็ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเกือบทุกรุ่นที่วางจำหน่ายในปัจจุบันแล้วเช่นกัน
ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นไฟตัดหมอกด้านหน้า ขณะที่ไฟตัดหมอกหลังยังคงมีให้เป็นบางรุ่น บางยี่ห้อเท่านั้น
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ฟิล์มกรองแสงที่ดีจะต้องพิจารณาจากคุณสมบัติของกาวด้วยกาวที่ดีต้องมีความบางใสและเหนียว
เมื่อติดแล้วต้องทนทานต่อสภาวะความร้อนเย็นของกระจกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ยึดติดกับกระจกได้ดี
ไม่ทำให้ฟิล์มกรองแสงนั้นๆ พอง ลอก ล่อน เป็นฟองอากาศ อีกทั้งกาวที่ดีควรมีคุณสมบัติที่ติดแน่นกับเนื้อฟิล์ม
เมื่อต้องการลอกฟิล์มออกมา กาวควรอยู่บนด้านฟิล์มมิใช่ด้านกระจก รวมทั้งกาวจะต้องไม่เปลี่ยนสี
ก่อให้เกิดการเปลี่ยนสีของฟิล์มที่ติด ที่เรียกว่าฟิล์มเป็นสนิม

     ฟิล์มที่ดีจะต้องป้องกันรอยขีดข่วนหรือเคลือบสารกันรอยขีดข่วนฟิล์มกรองแสงทำมาจากโพลีเอสเตอร์
มีจุดอ่อนในเรื่องความอ่อนของผิว มักสามารถเป็นรอยเส้นคล้ายรอยขนแมวได้ง่าย แต่ปัจจุบันได้มีการคิดค้น
สารเคมีที่ทำหน้าที่เคลือบแข็งบนผิวของฟิล์ม ทำหน้าที่ในการป้องกันการขีดข่วนจากการใช้งานปกติ

     จำไว้ว่าฟิล์มกรองแสงที่ดีไม่ใช่ฟิล์มที่ช่วยลดแสงจ้าได้เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีความสามารถในการ
สะท้อนแสงอาทิตย์ได้ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายในการขับขี่ รวมทั้งช่วยประหยัดพลังงานในการทำงาน
ของเครื่องปรับอากาศในรถด้วย

ที่มา: มติชนรายวัน 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

เทคนิคเลือกฟิล์มกรองแสงกันความร้อนสู่ห้องโดยสารช่วยประหยัดพลังงานที่ใช้ทำความเย็นแล้วช่วยยืดอายุชิ้นส่วนภายใน
ต่อมาคือเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ต้องยอมรับว่าฟิล์มทึบสามารถพรางภายในรถไม่ให้คนภายนอกมองเข้าไปเห็นได้
นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของความปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ที่เหลือเป็นเรื่องของความสวยงาม เพราะมีฟิล์มแบบแฟชั่นให้
ความสวยงามกับรถยนต์ได้ด้วย

     ความเข้าใจที่ว่าฟิล์มที่มีสีเข้มหรือทึบช่วยลดความร้อนได้ดี ในความจริงแล้วสีของฟิล์มไม่ได้เป็นตัวช่วยลดความร้อน
แต่กลับเป็นสารเคลือบตัวอื่นๆ ที่ทำหน้าที่หลักนี้

     ทุกวันนี้ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์จะขายผ่านร้านประดับยนต์ร้านติดตั้งเครื่องเสียงจะมีทั้งได้รับแต่งตั้งจากผู้จำหน่ายโดยตรง
กับไม่ได้รับการแต่งตั้ง ร้านที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งจะนำฟิล์มเข้ามาจำหน่ายเอง เสี่ยงต่อฟิล์มคุณภาพต่ำ
บางแห่งก็เสนอฟิล์มแบบมียี่ห้อให้ดู พอตอนติดตั้งแอบไปเอาฟิล์มอะไรไม่รู้มาติดรถ

     ควรเลือกร้านที่มีห้องสำหรับการติดฟิล์มโดยเฉพาะ เนื่องจากฝุ่นคือศัตรูตัวร้ายกาจของการติดฟิล์ม

     ฝีมือช่างต้องชำนาญ หากต้องการให้ฟิล์มอยู่คงทนนาน ช่างติดฟิล์มจะต้องมีฝีมือในการกรีดฟิล์ม เพราะหากฝีมือไม่ดีพอ
เวลากรีดฟิล์มลงสู่กระจกจะทำให้ฟิล์มไม่เสมอกัน โดยเฉพาะตรงขอบกระจก และถ้าเลวร้ายไปกว่านั้น
บางครั้งอาจกรีดโดนกระจกรถยนต์และทำให้เป็นรอยได้
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

เทคนิคเลือกฟิล์มรถยนต์ ..เรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

ยานยนต์ "มติชน" มีข้อแนะนำการเลือกฟิล์มกรองแสงคุณภาพดี ควรมีคุณสมบัติต่างๆ ของฟิล์ม เช่น %
การลดความร้อน, % การลดรังสียูวี, % การสะท้อนแสง, % แสงส่องผ่าน ต้องเป็นค่ามาตรฐานจากโรงงานผู้ผลิตที่เชื่อถือได้
และควรเป็นไปตามมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตที่มีแหล่งที่มาชัดเจน นำเข้ามาจากโรงงานที่ผ่านมาตรฐานที่สากลยอมรับ มีที่ตั้งชัดเจน

โดยทั่วไปการรับประกันคุณภาพจะไม่ต่ำกว่า 7 ปี และสิ้นสุดเมื่อมีการเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถ ดังนั้น
ผู้บริโภคจึงต้องเลือกบริษัทตัวแทนจำหน่ายที่มั่นใจว่าตลอดระยะเวลาการรับประกัน บริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจฟิล์มกรองแสงอยู่อย่างมั่นคง
และพร้อมจะรับผิดชอบหากฟิล์มที่ติดตั้งไปเกิดปัญหาใดๆ ขึ้น

     ราคาต้องสมเหตุสมผล เหมาะสมกับคุณภาพในระดับยอมรับได้ ไม่ใช่ต้องแพงเพียงเพราะมีชื่อเสียงมานานหรือเพราะโฆษณาเกินจริง
ทำให้ตั้งราคาแพงหรือสูงขึ้นอีก ไม่สมคุณภาพที่โฆษณาไว้

     ควรพิจารณาถึงวิธีการทดสอบคุณภาพของฟิล์มกรองแสงด้วยว่าเชื่อถือได้หรือไม่ เช่น ไม่ควรทดสอบฟิล์มด้วยแสงสปอตไลต์
เพราะเวลาเราขับรถจริงๆ เราขับรถภายใต้แสงแดด และแหล่งกำเนิดแสงทั้งสองชนิดนี้ก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
บางครั้งยังมีกรณีฟิล์มที่ใช้เวลาทดสอบกับฟิล์มที่นำมาติดตั้งให้นั้นเป็นคนละชนิดกัน หรือใช้ฟิล์มติดตั้งซ้อนทับกันสองชั้นในการทดสอบ
จุดนี้ผู้บริโภคต้องพึงระวัง
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

กลับไปยังรายบอร์ด
Image Hosted by CompGamer Image Host Image Hosted by CompGamer Image Host