เกร็ดน่ารู้ เครื่องปั๊มหัวใจ ที่มาและวิธีกาารใช้

canyonshowmaker

เครื่องปั๊มหัวใจใช้เพื่อสูบฉีดเลือดออกจากหัวใจ พวกเขาเรียกอีกอย่างว่าอุปกรณ์ช่วยกระเป๋าหน้าท้องหรือ VAD เครื่องปั๊มหัวใจเป็นอุปกรณ์ที่วางอยู่ในหัวใจห้องล่างขวาและช่วยดันเลือดออกจากหัวใจ เรียกอีกอย่างว่าอุปกรณ์ช่วยกระเป๋าหน้าท้องหรือ VAD สามารถใช้ปั๊มหัวใจได้หากมีคนเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือหัวใจวาย และไม่สามารถดึงเลือดออกจากร่างกายได้เพียงพอ



ผู้คิดค้นเครื่องปั๊มหัวใจ
ผู้ประดิษฐ์เครื่องปั๊มหัวใจคือแพทย์ชื่อวิลเลียม ฮาร์วีย์ ฮาร์วีย์เกิดในปี ค.ศ. 1578 และศึกษาวิชาแพทย์ในปาดัว เขากลายเป็นศาสตราจารย์ด้านกายวิภาคศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยปาดัวและตีพิมพ์หนังสือเล่มแรก De motu cordis ในปี 1628

ในปี 1628 Harvey ได้ตีพิมพ์หนังสือเล่มแรกของเขาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของหัวใจ De motu cordis มันเกี่ยวกับวิธีที่เลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกายผ่านเส้นเลือดแดงและเส้นเลือดดำ ระบบการไหลเวียนประกอบด้วยปั๊มหัวใจที่ขับเคลื่อนโดยการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อในผนังของหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ (การสูบฉีดของหลอดเลือดแดง) ในขณะที่เลือดถูกสูบฉีดไปยังทุกส่วนของร่างกายโดยการเต้นเป็นจังหวะ (การสูบฉีดของหลอดเลือดดำ)

พัฒนาการที่สำคัญครั้งต่อไปในอาชีพการงานของฮาร์วีย์เกิดขึ้นเมื่อเขาเขียนหนังสือ Exercitatio Anatomica de Motu Cordis et Sanguinis ในปี 1649 หลังจากเรียนกับครูของวิลเลียม ฮาร์วีย์ จิโอวานนี โบเรลลี (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Borelli della Volta)

วิธีการใช้งานเครื่องนี้

เครื่องปั๊มหัวใจเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกาย มันถูกสอดเข้าไปในช่องอกและทำงานโดยการสูบฉีดเลือดจากห้องหนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่ง ขั้นตอนการใช้เครื่องปั๊มหัวใจมีดังนี้ 1. บุคคลนั้นนอนหงายบนโต๊ะ
2. ฉีดยาต้านการแข็งตัวของเลือดเข้าทางสาย IV
3. การปั๊มหัวใจจะสอดผ่านแผลเล็กบริเวณทรวงอกส่วนล่างและดันไปที่หัวใจข้างหนึ่ง สามารถวางได้ทุกจุดระหว่างห้องและไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งเฉพาะในการจัดวาง
4. จากนั้นจะสอดท่อเล็ก ๆ เข้าไปในแต่ละช่องซึ่งจะดันเลือดจากช่องนั้นไปยังอีกช่องหนึ่ง จากนั้นท่อที่ยาวและบางจะดันเลือดออกจากหัวใจและเข้าสู่ห้องอื่น
5. สายเครื่องกระตุ้นหัวใจถูกวางไว้ใต้ผิวหนังบริเวณหน้าอกเพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจคงที่ เครื่องปั๊มหัวใจถูกใช้ในสภาวะต่างๆ มากมายที่เกี่ยวข้องกับภาวะการหดเกร็งของหลอดเลือดในวงกว้างหรือทั่วๆ ไป (เช่น เส้นเลือดโป่งพอง เส้นเลือดอุดตันในปอด และกล้ามเนื้อหัวใจตาย) นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นสะพานเชื่อมไปสู่การรักษารูปแบบอื่นๆ สำหรับผู้ป่วยที่ต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉินก่อนที่จะทำการรักษาขั้นสุดท้ายได้ (เช่น การใช้เครื่องช่วยไหลเวียนโลหิต)