รู้หรือไม่? จุดแตกต่างระหว่าง mrr mor และ mlr คืออะไร หาคำตอบได้ที่นี่

unyana

เชื่อว่าทุกคนนั้นรู้กันดีอยู่แล้วว่าหลังจากการกู้เงินเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม หรือว่าคอนโดพร้อมอยู่ จากทางธนาคารหรือว่าสถาบันการเงินเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือเรื่องของดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทุกเดือนพร้อมกับเงินต้น แต่จะต้องจ่ายมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ทางสถาบันการเงินกำหนด แต่อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่นั้นมักจะให้ความสำคัญกับเรื่องของค่างวดขั้นต่ำที่ต้องจ่ายมากกว่าอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะเรื่องของอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวอย่างอัตราดอกเบี้ยประเภท Minimum Retail Rate หรือ mrr อัตราดอกเบี้ยประเภท Minimum Overdraft Rate หรือ mor และอัตราดอกเบี้ย Minimum Loan Rate หรือ mlr  แต่อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวทั้ง 3 แบบจะมีความแตกต่างกันในเรื่องไหนบ้างนั้นวันนี้เรามีคำตอบมากฝาก

•        ประเภทของสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ย
สำหรับจุดแตกต่างแรกระหว่างอัตราดอกเบี้ย mrr mor และ mlr คือ ประเภทของสินเชื่อที่จะใช้อัตราดอกเบี้ยที่มีความแตกต่างกัน โดยถ้าหากเป็นสินเชื่อที่มีการระบุระยะเวลาชำระคืนที่ชัดเจนทางสถาบันการเงินก็จะใช้อัตราดอกเบี้ยประเภท mrr และ mlr แต่ถ้าหากเป็นสินเชื่อประเภทเบิกเงินเกินบัญชีหรือสินเชื่อ OD (Over Draft) สถาบันการเงินจะใช้การคิดอัตราดอกเบี้ยประเภท mor แทน
•        อัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระ
หากเทียบกันในด้านจำนวนที่ต้องชำระระหว่างอัตราดอกเบี้ยทั้ง 3 ประเภท จะเห็นได้ว่า mrr คือ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่มีการกำหนดไว้สูงที่สุด รองลงมาเป็น mor และสุดท้ายเป็น mlr ซึ่งการกำหนดอัตราดอกเบี้ยลอยตัวประเภทต่าง ๆ นั้นจะขึ้นอยู่กับนโยบายและต้นทุนของสถาบันการเงิน ทำให้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวทั้ง 3 ประเภทของแต่ละสถาบันการเงินไม่เท่ากัน อย่างสินเชื่อบ้านของธนาคาร A กำหนดอัตราดอกเบี้ย mrr  ไว้ที่ 5.95 ส่วนอัตราดอกเบี้ย mlr คือ 5.25  แต่หากเป็นธนาคาร B อาจกำหนดอัตราดอกเบี้ย mrr ไว้สูงถึง 7.35 ส่วนอัตราดอกเบี้ย mlr คือ 6.8 เนื่องจากมีต้นทุนในการดำเนินกิจการที่สูงกว่า
•        ระยะเวลาในการชำระดอกเบี้ย
โดยทั่วไปแล้วลักษณะของสินเชื่อที่จะใช้กับ mrr และ mlr คือสินเชื่อที่กำหนดระยะเวลาในการชำระชัดเจน อย่างสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อเงินกู้ส่วนบุคคล แต่หากอัตราดอกเบี้ยประเภท mor คือ ผู้ขอสินเชื่อจะต้องจ่ายดอกเบี้ยไปจนกว่าจะชำระเงินกู้จนครบตามจำนวนที่เบิกเกินบัญชี เนื่องจาก mor คือ อัตราดอกเบี้ยที่ใช้กับสินเชื่อหมุนเวียนประเภทเบิกเกินบัญชี
•        ประเภทของลูกค้า
ในส่วนของประเภทลูกค้าถือว่าเป็นจุดแตกต่างที่สำคัญของการแบ่งประเภทอัตราดอกเบี้ย โดยกลุ่มลูกค้าที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยประเภท mrr คือ กลุ่มลูกค้ารายย่อยที่มีประวัติการเงินดีและประกอบอาชีพทั่วไป ส่วนอัตราดอกเบี้ยประเภท mlr และ mor คือ กลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่มีประวัติการเงินดี อย่างลูกค้าประเภทองค์กรหรือนิติบุคคล แต่ถึงอย่างนั้นในบางกรณีสถาบันการเงินอาจคิดอัตราดอกเบี้ยประเภท mlr กับกลุ่มลูกค้ารายย่อยหากเป็นสินเชื่อที่มีกำหนดระยะเวลาชำระยาวนาน
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับข้อแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ย mrr mor และ mlr ที่เรานำมาฝากในวันนี้ ซึ่งจากข้อแตกต่างจะเห็นได้ว่าหากเป็นกรณีการกู้ซื้อบ้าน mrr คือ อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวที่ผู้กู้สินเชื่อบ้านทุกคนควรให้ความสำคัญ เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย Minimum Retail Rate หรือ mrr ของแต่ละสถาบันการเงินโดยละเอียด รับรองว่าช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้จำนวนมากแน่นอน

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกู้ซื้อบ้าน ได้ที่นี่ https://www.sansiri.com/content/ ... �อบ้าน/th