"

Image Hosted by CompGamer Image Host      Image Hosted by CompGamer Image Host
กลับไปยังรายบอร์ด โพสต์ใหม่
สาเหตุประกันไม่รับผิดชอบ
     1.    ไม่ส่งเอกสารให้บริษัทประกันหลังติดตั้งแก๊ส
     2.    ไม่แจ้งขนส่งทางบก หลังจากได้ติดตั้งแก๊ส ถึงแม้ว่าคุณจะติดตั้งได้มาตรฐาน
     3.    ติดตั้งถังแก๊สไม่ได้รับมาตรฐานคุณภาพ มอก.


     ขั้นตอนการแจ้งประกันเมื่อติดตั้งแก๊สรถยนต์ LPG หรือ NGV
     1.    แจ้งผ่านตัวแทน นายหน้า หรือ แจ้งโดยตรงไปที่บริษัทประกัน
     2.    ส่งเอกสารรายการจดทะเบียน ที่ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงประเภทเชื้อเพลิงแล้วไปยังบริษัทประกัน
     3.    ใบเสร็จค่าติดตั้งชุดอุปกรณ์แก๊ส (ห้ามทิ้งเด็ดขาด)

     สำหรับผู้ที่ได้ติดตั้งแก๊สรถยนต์ จำเป็นต้องบำรุงรักษาประหนึ่งเหมือนชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์ทั่วไป
หากไม่ดูแลรักษาก็ย่อมเกิดปัญหาขึ้นตามมาได้ เช่น อุบัติเหตุรถไฟไหม้ เรามีวิธีการตรวจเช็กตามอายุ
การใช้งานที่ช่วยให้คุณเกิดความปลอดภัยไร้กังวลดังนี้

วิธีดูแลรักษาระบบรถติดแก๊สไม่ให้เกิดไฟไหม้

ตรวจเช็ก กล่อง ECU เปรียบได้ดั่งสมองที่สั่งการไปยังส่วนต่างๆ เพื่อควบคุมระบบการจ่ายเชื้อเพลิง
ควรตรวจเช็กระยะหลังจากติดตั้งแก๊สแล้วทุก 5,000 – 10,000 กิโลเมตร
ตรวจเช็ก หม้อต้มแก๊ส นับเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการสูบฉีดเชื้อเพลิงเข้าไปยังระบบหัวฉีดรถยนต์
ตรวจเช็ก หัวฉีดแก๊ส ทุก 3 ปี จากช่างผู้เชี่ยวชาญ
ตรวจเช็ก กรองแก๊ส ป้องกันฝุ่น ป้องกันสนิม ควรเปลี่ยนทุก 100,000 กิโลเมตร
ตรวจเช็ก ถังแก๊ส เมื่อครบ 10 ปี ควรเปลี่ยนถังแก๊สใหม่ หรือเมื่อเห็นถังเก่าชำรุด
ตรวจเช็ก วาล์ว เมื่อใช้รถไปได้ 40,000 กิโลเมตร ให้ช่างตั้งระยะวาล์วใหม่อีกครั้ง
ตรวจเช็ก สายยาง ที่เชื่อมต่อระบบถังแก๊ส สามารถตรวจเช็กง่ายๆเบื้องต้นด้วยการใช้ฟองสบู่หารอยรั่ว
     การติดตั้งแก๊สไม่ใช่เรื่องที่อันตรายหากแต่คุณต้องใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเท่านั้น และหลังจากการ
ใช้งานควรตรวจเช็กดูแลรักษาให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

5 เทคนิคแก้อาการหลับในได้ผลชะงัด

หากใครที่ต้องขับรถอยู่เป็นประจำ คงทราบดีว่าอาการ 'หลับใน' ขณะขับรถนั้น มันช่างอันตรายเสียนี่กระไร
แถมทำอย่างไรก็ไม่หายง่วงซะด้วยสิ ยิ่งช่วงเทศกาลส่งกรานต์แบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งเสี่ยงต่ออุบัติเหตุมากขึ้น
เราไม่ชนเขา ก็อาจมีสิทธิ์ถูกเขาชนได้เช่นกัน

จึงขอแนะนำ 5 เทคนิคช่วยแก้อาการหลับในมาฝากกันครับ

     1. เคี้ยวหมากฝรั่ง

     หากใครรู้ตัวว่ามักมีอาการง่วงซึมขณะขับรถอยู่บ่อยๆ ลองพกหมากฝรั่งติดรถเอาไว้บ้าง การเคี้ยวหมากฝรั่งไปด้วย
จะช่วยยืดอาการง่วงซึมออกไปได้อีกพอสมควร เพราะอย่างน้อยก็มีอวัยวะบางส่วนที่ต้องขยับอยู่ตลอดเวลา

     2. สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้า

     อีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลเช่นกัน คือการติดสเปรย์น้ำแร่สำหรับฉีดหน้าเอาไว้ในรถ ทางที่ดีให้วางไว้ในที่ที่มีลมแอร์ผ่าน
จะช่วยให้น้ำแร่ในกระป๋องเย็นถึงใจ ทีนี่เมื่อจับเอามาพ่นใส่หน้าซักทีสองที ก็จะพอช่วยให้สะดุ้งจนหายง่วงได้เป็นปลิดทิ้ง

     3. ชวนคุยกับคนข้างๆ

     อาการหลับใน มักจะไม่เกิดขึ้นขณะคุยเล่น หรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้โดยสารที่นั่งมาด้วย ดังนั้น
หากรู้สึกว่ามีอาการง่วงซึมขณะขับรถ ลองชวนคนนั่งข้างๆคุยสัพเพเหระไปเรื่อยๆ จะช่วยป้องกันการหลับในได้เป็นอย่างดี

     หรือหากใครรับหน้าที่เป็นผู้โดยสารแล้วล่ะก็ ควรหมั่นลองสังเกตอาการของคนขับเป็นระยะๆ
ทางที่ดีคอยหาเรื่องชวนคุยอยู่เรื่อยๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้คนขับหลับในได้

     4. โทรศัพท์หาใครซักคน

     หากใครขับรถคนเดียวแล้วล่ะก็ ลองโทรหาเพื่อน, แฟน หรือ คุณพ่อคุณแม่ดู รับรองว่าได้ผลไม่แพ้กัน
(ทางที่ดีให้โทรหาแฟนเก่า อาจมีดราม่าแถมมาด้วย!) แต่อย่าลืมเรื่องความปลอดภัย ใส่สมอลทอล์ค, ต่อบลูทูธ
หรือใช้แฮนด์ฟรีด้วยล่ะ

     5. จอดปั๊มล้างหน้า/นอนงีบ

     ถ้าที่กล่าวมาทั้งหมดมันไม่สามารถช่วยให้คุณหายจากอาการหลับในได้แล้วจริงๆ เจอปั๊มน้ำมันข้างหน้าให้รีบแวะเลยครับ
หาที่จอดเหมาะๆ แล้วปรับเบาะลงนอนซะ ทางที่ดีตั้งนาฬิกาปลุกไว้ซัก 15-20 นาที หลังจากตื่นมาก็ลงไปล้างหน้าเสียหน่อย
รับรองขับได้อีกยาวๆ
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

เทคนิคดูแลสีรถ ‘ต้องทำ‘ หลังเที่ยวสงกรานต์

หลังจากที่คุณผู้อ่านขับรถตระเวนเที่ยววันหยุดสงกรานต์ 2558 อย่างอิ่มหนำสำราญกันแล้ว
รถสุดรักของคุณผู้อ่านอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเผชิญกับ คราบดินสอพองขาวโพลนติดอยู่รอบตัวรถ
แต่คุณผู้อ่านรู้ไหมครับว่าคราบดินสอพองดังกล่าวอาจทำร้ายสีของตัวถังรถได้

ขั้นแรก ควรใช้น้ำเปล่าล้างรถเสียก่อน 1 รอบ โดยใช้สายยางฉีดน้ำไปรอบๆเพื่อให้คราบดินสอพองอ่อนตัว
พร้อมกับใช้ฟองน้ำถูอย่างเบาๆ นอกจากนั้นยังควรล้างฟองน้ำเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้คราบสกปรกบนฟองน้ำ
ทำร้ายสีบนตัวถังรถนั่นเองจากนั้นจึงล้างด้วยแชมพูล้างรถ หรือ น้ำเปล่าซ้ำตามปกติ แล้วจึงเช็ดให้แห้ง

     ทางที่ดีควรล้างรถทันทีที่มีโอกาส ไม่ควรปล่อยคราบดินสอพองทิ้งไว้ นิเช่นนั้นอาจเกิดรอยด่างได้

ขั้นที่สอง หากคุณผู้อ่านใช้รถไปในการเล่นน้ำช่วงสงกรานต์ (เช่น รถกระบะที่บรรทุกถังน้ำและผู้โดยสารเพื่อเล่นน้ำ)
ภายในรถของคุณผู้อ่านอาจมีโอกาสเปียกชื้นสูง ทางที่ดีจึงควรไล่ความอับชื้นภายในรถ
เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรก อันเป็นต้นเหตุของกลิ่นอับภายในรถ

     วิธีการคือ หาที่จอดรถโล่งๆกลางแดด ถอดผ้ายางปูพื้นหรือพรมออกจากรถ แล้วเปิดประตูทิ้งไว้กลางแดดสัก 2-3 ชั่วโมง
เพื่อขจัดความชื้นในตัวรถออกไป
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

นอกจากนั้น ก็ยังควรเช็คสภาพรถเบื้องต้น ด้วยการตรวจเช็คอย่างง่ายๆ เริ่มตั้งแต่การฟังเครื่องยนต์
ว่ามีเสียงผิดปกติดังขึ้นหรือไม่ ตรวจเช็คสภาพยางว่าไม่มีจุดใดรั่วซึม เช็คความดันลมยาง
ตรวจเช็คระดับของเหลวต่างๆ ตั้งแต่ น้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเบรค, น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ฯลฯ

     หากพบว่ามีระดับพร่องกว่าปกติ ก็ควรเติมให้เรียบร้อย หรือ หากพบว่าน้ำมันเปลี่ยนเป็นสีดำ
ผิดจากก่อนเริ่มเดินทาง ก็ควรเปลี่ยนถ่ายใหม่ให้เรียบร้อย เพราะการเปลี่ยนถ่ายของเหลวก่อน
กำหนดถือเป็นการช่วยถนอมเครื่องยนต์ไปในตัว

     เพียงเท่านี้ รถสุดรักของคุณผู้อ่านก็จะยังคงมีสภาพเหมือนใหม่ดังเดิมครับ
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

เคล็ดลับกระจกใสไร้ฝุ่น

กระจกรถใสแจ๋วไม่ได้มีดีเพียงแค่ทำให้รถน่าเหลียวมอง แต่ยังช่วยให้ทัศนวิสัยการมองเห็นของคนขับรถชัดเจนขึ้นด้วย
  
เตรียมอุปกรณ์: ผ้าแห้งสะอาดหรือหนังสือพิมพ์ ฟองน้ำสำหรับถูทำความสะอาด และถังใส่น้ำ

     ขั้นตอนที่ 1 ขจัดคราบสกปรก กระจกมัว คราบน้ำ คราบฝุ่น แก้ได้ด้วยการนำเกลือหรือแชมพูมาผสมกับน้ำสะอาด
แล้วเช็ดทำความสะอาดกระจกให้ทั่ว

     ขั้นตอนที่ 2 กระจกเงาวาว เคล็ดลับง่ายๆ เพียงใช้หนังสือพิมพ์เช็ดด้วยเบคกิ้งโซดาผสมน้ำหรือน้ำส้มสายชูเช็ดขัดเงาให้ทั่วไปเลย

     ขั้นตอนที่ 3 ลดรอยขีดข่วนที่กระจก จัดการด้วยกลีเซอรีนหรือใช้ยาสีฟัน โดยนำมาเช็ดจนทั่วแผ่นกระจกแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดออก
เท่านี้ก็เรียบร้อย

  Be Careful: น้ำยาเช็ดกระจกส่วนใหญ่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย ซึ่งเป็นอันตรายถ้าสูดดม เข้าตา หรือสัมผัส

     ข้อแนะนำเพิ่มเติม: เพื่อความปลอดภัยทุกการเดินทางควรทำความสะอาดกระจกให้มองเห็นได้ชัดเจนทุกครั้ง
และอย่าลืมเช็กด้วยว่ารถของคุณได้ทำประกันภัยรถยนต์และประกันยังไม่หมดอายุ เพราะเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา
อย่างน้อยก็ยังอุ่นใจว่าประกันภัยจะช่วยแก้ปัญหาและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแก่คุณได้ค่ะ
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

รถเก๋ง รถกระบะต้องเติมลมยางเท่าไร

ยางรถยนต์แม้จะดูเป็นชิ้นส่วนที่ไม่มีความซับซ้อนอะไร แต่กลับเป็นส่วนที่รับบทหนักมากสุด
และมีความสำคัญอย่างมากเมื่อรถวิ่งอยู่บนถนน เช่น การยืดเกาะถนน รับน้ำหนักรถ
ซับแรงกระแทกจากพื้นถนน ซึ่งการเลือกยางที่ดีและเหมาะสมกับรถยังช่วยเรื่องประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย

รถประเภทไหน ควรเติมลมยางเท่าไร?

     คุณจะต้องตรวจความดันลมยางอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เนื่องจากปัจจัยต่อไปนี้

ความดันลมยางอ่อน ทำให้เนื้อยางสึกไวเร็วกว่าปกติ
ความดันลมยางที่สูงเกินไป จะลดอายุการใช้งานของยางลงถึง 10,000 กม.


     รถประเภทไหน เติมลมเท่าไร

รถเก๋งขนาดเล็ก ควรเติมลมยาง 25-30 ปอนด์
รถเก๋งขนาดกลางถึงใหญ่ ควรเติมลมยาง 30-35 ปอนด์
รถกระบะ ควรเติมลมยางไม่เกิน 65 ปอนด์

  วิธีสังเกตง่ายๆ ว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางแล้ว ให้ดูที่ “สะพานยาง” มีลักษณะเป็นสันนูนตรงดอกยาง
ถ้าเนื้อยางสึกถึงสะพานยังแล้วเป็นการบ่งบอกว่าถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนยางแล้วล่ะ

     ข้อแนะนำเพิ่มเติม: ก่อนออกเดินทางทุกครั้งอย่าลืมเช็กด้วยว่า รถของคุณได้ทำประกันภัยรถยนต์
และประกันยังไม่หมดอายุ เพราะเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา อย่างน้อยก็ยังอุ่นใจว่าประกันภัยจะ
ช่วยแก้ปัญหาและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแก่คุณได้ค่ะ
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

อย่ามองข้ามน้ำมันเกียร์

ระบบเกียร์ถือว่าเป็นระบบที่สำคัญช่วยในการส่งกำลังให้รถยนต์ได้ขับเคลื่อน ดังนั้นจึงจำเป็นต้อง
ดูแลรักษาระบบเกียร์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการเติมน้ำมันเกียร์ เพราะหากเกิดความเสียหาย
ผลที่จะตามมาก็คือผู้ใช้รถจะต้องควักกระเป๋าในการซ่อมแซมเกี่ยวกับระบบเกียร์จำนวนมากในแต่ละครั้ง
"ยานยนต์" มติชนมีคำแนะนำในการตรวจสอบสภาพของน้ำมันเกียร์ ดังนี้

1.น้ำมันเกียร์จะบอกสภาพของเกียร์ได้ น้ำมันเกียร์ที่ดีควรมีความสะอาด ไม่มีเศษโลหะหรือเป็นฟอง
และควรมีสีแดง

     2.ไม่ควรมีสีชมพู เป็นฟอง หรือสีขุ่นๆ คล้ายนมเย็น ซึ่งอาจจะมาจากน้ำหล่อเย็นหรือคูลแลนท์มาผสม เป็นต้น

     3.น้ำมันควรเช็ดออกง่ายจากก้านวัดระดับ การที่มีคราบวานิชเช็ดออกยากที่ก้านวัด แสดงให้เห็นว่าน่าจะมีปัญหา
ภายในเกียร์ และไม่ควรมีกลิ่นไหม้และไม่ควรมีสีคล้ำของน้ำมันเกียร์ด้วย เพราะนั่นหมายถึงเกียร์น่าจะมีการไหม้
หรือความร้อนสูงขึ้นแล้วภายใน

     4.การเติมน้ำมันเกียร์ กรณีระดับขาดเล็กน้อย ต้องแน่ใจว่าใส่น้ำมันเกรดเดียวกัน และมีความสะอาดอย่างเพียงพอ
นอกเหนือจากน้ำมันสะอาดและใช้น้ำมันที่ถูกต้องตามสเปกที่กำหนดแล้ว ระดับของน้ำมันก็มีความสำคัญมาก
ระดับที่มากเกินไป นอกจากจะทำให้เกิดฟองตามมาแล้ว อาจทำให้เกิดการรั่วซึมได้อีกด้วย และยังมีผลให้การ
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันในครั้งต่อไปไม่สามารถเปลี่ยนถ่ายได้มากเป็นปกติ ทำให้มีน้ำมันเก่าตกค้างได้มาก
หากมีน้ำมันน้อยเกินไปแน่นอนว่าการทำงานจะไม่ถูกต้องและอาจสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์ภายในเกียร์ได้

     กรณีน้ำมันน้อยหรือต่ำเกินไป สาเหตุคือเติมมาน้อยเกินไปแต่แรกหรือมีรอยรั่วที่ไหนหรือไม่ สิ่งนี้สำคัญมากๆ
ต้องหาให้ได้ว่าอะไรคือสาเหตุทำให้น้ำมันต่ำ

     ข้อควรระวังในการตรวจเช็กน้ำมันเกียร์
1.ระดับของรถจะต้องขนานกับพื้นไม่เอียง ทำให้ระดับผิดไป
2.เครื่องยนต์และเกียร์ควรจะอยู่ในอุณหภูมิเหมาะสมไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป
3.ดึงเบรกมือทุกครั้ง
4.เกียร์ควรอยู่ในตำแหน่ง N



     ที่มา นสพ.มติชน
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

จ่ายหลักร้อย คุ้มครองหลักแสน พ.ร.บ. ช่วยได้

ผู้ใช้รถบางคนไม่เห็นความสำคัญของการทำประกันหรือต่อ พ.ร.บ. แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมา
ความเสียหายที่คุณต้องชดใช้นั้นเทียบไม่ได้เลยกับค่าทำ พ.ร.บ. เพียง 646 บาท
ซึ่งช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายกรณีบาดเจ็บ – เสียชีวิตสูงสุดถึง 200,000 บาท ส่วนความคุ้มครองอื่นๆ มีอะไรบ้าง

ทำ พ.ร.บ. ดีอย่างไร

คุ้มครองความเสียหายเบื้องต้นทั้งตนเองและคู่กรณี
เมื่อคู่กรณีเกิดชนแล้วหนี ยังมีค่ารักษาพยาบาล
มีสิทธิ์ต่อทะเบียนรถประจำปี
จ่ายเบี้ยถูกคุ้มครองหลักแสน

ความคุ้มครองการทำประกันภัยภาคบังคับ พ.ร.บ.
1. ความคุ้มครองเบื้องต้น (ไม่ต้องรอพิสูจน์ความผิด)        วงเงินคุ้มครอง  1.1 กรณีบาดเจ็บเบื้องต้น (ตามจริง)        15,000 บาท/คน
1.2 เสียชีวิต / สูญเสียอวัยวะ / ทุพพลภาพถาวร        35,000 บาท/คน
2. ค่าเสียหายส่วนเกินกว่าค่าเสียหายเบื้องต้น (หลังตรวจสอบว่าเป็นฝ่ายถูก)        วงเงินคุ้มครอง
2.1 ค่ารักษาพยาบาล        50,000 บาท/คน 2.2 เสียชีวิต / สูญเสียอวัยวะ / ทุพพลภาพถาวร        200,000 บาท/คน
2.3 ค่าชดเชยรายวัน 200 บาท รวมกันไม่เกิน 20 วัน (กรณีเป็นผู้ป่วยใน)        สูงสุดไม่เกิน 4,000 บาท/คน

ตัวอย่าง

     ถ้าคุณขับรถกระบะไปเฉี่ยวชนมอเตอร์ไซค์ล้ม คนขับหัวฟาดพื้นได้รับบาดเจ็บจนต้องนำส่งโรงพยาบาล
ซึ่งถ้าคุณทำพ.ร.บ. ไว้จะช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลของผู้บาดเจ็บ และถ้าคู่กรณีเสียชีวิต พ.ร.บ.
ก็จะช่วยจ่ายค่าทำศพและจ่ายเงินชดเชยให้สูงสุดถึง 200,000 บาท แต่ถ้าโชคร้ายรถไม่มี พ.ร.บ.
หรือขาดต่อค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะตกเป็นภาระของคุณเพียงคนเดียว

  สรุปง่ายๆ คือรถทุกคันต้องทำ พ.ร.บ. เพราะไม่เพียงแค่ทำตามกฎหมายกำหนด
แต่ยังเพิ่มความปลอดภัยในชีวิตให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เพียงจ่ายเงินไม่กี่ร้อยเท่านั้น คุ้ม!
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ขับรถต้องรู้! ข้อควรระวังการใช้ “น้ำมันเครื่อง“

น้ำมันเครื่อง สามารถพิจารณาได้จากการแบ่งระดับ SAE น้ำมันเกรดเดียวจะมีช่วงอุณหภูมิที่สามารถใช้ได้แคบ
ดังนั้น น้ำมันเกรดเดียวจึงเหมาะสำหรับแต่ละฤดูต้องการใช้โดยเฉพาะ ส่วนน้ำมันเกรดรวมนั้นสามารถใช้ได้ทุกฤดูกาล
เนื่องจากช่วงอุณหภูมิที่สามารถใช้ได้กว้าง ปัจจุบันน้ำมันเกรดรวมเป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลาย
เนื่องจากสามารถใช้ได้ในช่วงอุณหภูมิกว้าง และมีประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันสูง

การแบ่งระดับชั้น SAE คือการแบ่งระดับของน้ำมันโดยความหนืด และช่วงอุณหภูมิสามารถใช้น้ำมันนี้ได้
ระดับ SAE มีทั้งสิ้น 11 ระดับ จาก 0W-60 ดังนี้ 0w, 5w, 10w, 15w, 20w, 25w, 20, 30, 40, 50
และ 60 จำนวนตัวเลขที่มากขึ้นหมายถึง ความหนืดมากขึ้นด้วย (เกรดที่มี W ต่อท้ายจะต้องผ่านการ
ทดสอบค่าแรงเสียดทานภายใต้อุณหภูมิต่ำ เหมาะสำหรับภูมิอากาศหนาว )

     สาเหตุที่ต้องกำหนดระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแต่ละครั้ง เพิ่มเติมจากการกำหนดการเปลี่ยนถ่าย
น้ำมันเครื่องตามระยะทาง เนื่องจากน้ำมันเครื่องค่อยๆ ทำปฏิกิริยารวมตัวกับออกซิเจนในอากาศและเสื่อมสภาพลง
แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้รถก็ตาม

     โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของการเดินทางระยะสั้นๆ เครื่องยนต์หยุดการทำงานก่อนน้ำมันเครื่องจะร้อนขึ้น
ทำให้ความชื้นผสมอยู่ในน้ำมันเครื่องไม่มีโอกาสระเหยออกมา ขณะเดียวกัน สารเพิ่มคุณภาพต่างๆ
ในน้ำมันจะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว จะทำให้อายุการใช้งานของน้ำมันเครื่องสั้นลง ดังนั้น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
จึงถูกกำหนดให้เปลี่ยนตามระยะเวลาด้วย

     หากใช้น้ำมันผิดประเภทใช้น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์เบนซินไปใช้กับเครื่องดีเซล จะทำให้การหล่อลื่นแย่ลง
และเครื่องยนต์เกิดการกัดกร่อนและเสียหายอย่างรวดเร็ว เพราะน้ำมันโซลาร์หรือน้ำมันดีเซลประกอบด้วยสารประกอบ
ประเภทกรด เช่น ซัลเฟอร์มากกว่าน้ำมันเบนซิน
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเติมสารเพิ่มคุณภาพประเภทต้านทานการรวมตัวกับออกซิเจน
และการป้องกันสนิมลงในเครื่องยนต์ดีเซลมากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน เมื่อใช้น้ำมันเครื่อง
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลในรถยนต์เบนซิน ปัญหาจะไม่เกิดขึ้นในระยะสั้น แต่ถ้ายังใช้น้ำมันเครื่องนี้
ต่อไปอีกระยะยาวจะก่อให้เกิดปัญหาขึ้น เช่น กำลังของเครื่องยนต์ลดลง เพราะการหล่อลื่น
ในเครื่องยนต์แย่ลงจะเกิดการสึกหรออย่างรวดเร็ว

     น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ประกอบด้วยสารช่วยชะล้างทำความสะอาดในปริมาณน้อย
ทำงานอยู่ในช่วงอุณหภูมิต่ำ-กลาง ดังนั้น เมื่อใช้น้ำมันเครื่องนี้ในเครื่องยนต์เบนซินเป็นระยะเวลานาน
ทำให้ความสามารถในการละลายยางเหนียวในน้ำมันอุณหภูมิต่ำไม่เพียงพอ และยางเหนียวจะรวมตัว
เป็นตะกอน ขัดขวางการไหลเวียนของน้ำมัน และส่งผลทำให้การหล่อลื่นในเครื่องยนต์แย่ลง

     การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องกรณีรถใช้งานไม่หนัก (เช้าขับไปทำงาน-เย็นขับกลับบ้าน) รถไม่ติด
ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะหรือไม่ ถ้าสภาพน้ำมันเครื่องยังไม่ดำ
ควรจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กม. เพราะรถเป็นรถใช้ตามปกติไม่หนัก
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

กลับไปยังรายบอร์ด
Image Hosted by CompGamer Image Host Image Hosted by CompGamer Image Host