"

Image Hosted by CompGamer Image Host      Image Hosted by CompGamer Image Host
กลับไปยังรายบอร์ด โพสต์ใหม่
การถนอมยางปัดน้ำฝนที่ดีที่สุดเมื่อต้องจอดรถยนต์ตากแดดกลางที่โล่งแจ้ง
คือ ก่อนที่จะออกรถยนต์ออกหลังจากจอดตากแดดทุกครั้งให้ยกก้านใบปัดน้ำฝนขึ้นมา
แล้วนำผ้าหรือกระดาษเช็ดหน้านุ่ม ๆ เช็ดลูบเบา ๆ ตามความยาวของยางปัดน้ำฝน
แล้วจึงไปเช็ดบนกระจกบริเวณที่ยางปัดน้ำฝนแนบอยู่ เพราะบริเวณนั้นจะมีเศษฝุ่นผงเล็ก ๆ
ปลิวมาตกค้างอยู่บนกระจก หากไม่เช็ดออกเมื่อเปิดที่ปัดน้ำฝน
ยางปัดน้ำฝนจะกวาดเอาเศษฝุ่นผงหรือเศษทรายเล็ก ๆ นั้น กดกับกระจกจนยางฉีกเป็นรอย
ทำให้การปัดน้ำฝนบนกระจกไม่เกลี้ยงได้

     และควรทำความสะอาดยางปัดน้ำฝนด้วยตนเองสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ด้วยการยกก้านปัดน้ำฝนขึ้น
และใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดบิดหมาด เช็ดรูดไปตามความยาวของยางปัดน้ำฝนในทิศทางเดียว  
หากพบร่องรอยการฉีกขาดหรือแข็งกรอบ ควรเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะหากใช้ต่อไปจะทำให้ปัดน้ำฝนไม่สะอาด
และทำให้เกิดเสียงดัง หรือสะดุดขณะปัด หรืออาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนกระจกได้อีกด้วย


     หมายเหตุ : ยางปัดน้ำฝนมีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

มารู้จัก 10 อะไหล่รถที่ต้องเปลี่ยนบ่อยที่สุด

การดูแลรักษารถยนต์ ถือเป็นสิ่งสำคัญของผู้ใช้รถ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น
และยังช่วยให้การขับขี่มีความปลอดภัยขึ้นด้วย เนื่องจากชิ้นส่วนต่างๆในรถยนต์นั้น
มีการสึกหรอตามการใช้งานอยู่แล้ว จึงควรเปลี่ยนเมื่อครบอายุการใช้งานของมัน10 ชิ้นส่วนในรถยนต์
ที่ต้องเปลี่ยนบ่อยที่สุด ได้แก่

     1.น้ำมันเครื่อง และไส้กรองน้ำมันเครื่อง

     น้ำมันเครื่องถือเป็นปัจจัยหลักในการหล่อลื่นชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนตามกำหนดทุกครั้ง
หรือหากตรวจพบว่าน้ำมันเครื่องเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ก็สามารถเปลี่ยนก่อนกำหนดได้เลย
เพราะอาจบ่งบอกว่าน้ำมันเสื่อมสภาพแล้ว

     ระยะเวลาเปลี่ยน ทุกๆ 5,000 - 10,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ประเภทน้ำมันเครื่อง)

     2. ผ้าเบรค

     ผ้าเบรคเป็นชิ้นส่วนที่ส่งผลต่อความปลอดภัยโดยตรง หากผ้าเบรคใกล้หมด จะมีเสียงดังเอี๊ยดเกิดขึ้นขณะเหยียบเบรค
บ่งบอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนได้แล้ว หากยังดึงดันที่จะใช้ต่อแล้วล่ะก็ อาจทำความเสียหายกับจานเบรคได้
ซึ่งมีราคาแพงกว่าผ้าเบรคหลายเท่าตัวเลยล่ะ

     ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 50,000 - 70,000 กิโลเมตร (หากใช้งานในเมืองอายุจะสั้นกว่า)
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

3. แบตเตอรี่
    แบตเตอรี่มีทั้งแบบแห้งและเปียก โดยแบบแห้งไม่จำเป็นต้องดูแลรักษาใดๆตลอดอายุการใช้งาน
แต่หากเป็นแบบเปียกนั้น จำเป็นต้องมีการเติมน้ำกลั่นให้ได้ระดับอยู่เสมอเพื่อให้
แบตเตอรี่สามารถเก็บประจุไฟได้อย่างเต็มที่
    ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 2-3 ปีแล้วแต่การใช้งาน แบตเปียกควรเช็คน้ำกลั่นอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

4. ไส้กรองอากาศ
    เครื่องยนต์จำเป็นต้องได้รับอากาศบริสุทธิ์ในการเผาไหม้จำนวนมาก ดังนั้น
ไส้กรองอากาศจึงเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการกรองสิ่งสกปรกในอากาศก่อนเข้าไปยังเครื่องยนต์
ซึ่งหากมีสิ่งสกปรกอุดตันเป็นจำนวนมากก็จะทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ กำลังเครื่องยนต์ลดลง
    ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร และเป่าทำความสะอาดทุกๆ 3,000-5,000 กิโลเมตร

5. น้ำมันเกียร์และไส้กรองน้ำมันเกียร์
    ระบบเกียร์มีชิ้นส่วนประกอบที่เป็นโลหะเข้าด้วยกันจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบทั่วไป,
แบบ CVT หรือแบบ Dual-clutch ซึ่งมีการเคลื่อนที่ภายในห้องเกียร์ตลอดเวลา จึงมีอัตราการสึกหรอสูง
น้ำมันเกียร์เป็นสิ่งสำคัญในการลดการสึกหรอดังกล่าว ไม่ให้ระบบเกียร์กลับบ้านเก่าไปก่อนวัยอันควร
หากใช้ไปนานๆจะทำให้เกิดเศษโลหะในน้ำมันเกียร์ที่เป็นอันตรายต่อระบบเกียร์ได้
    ส่วนน้ำมันเกียร์แบบ Long-life นั้น แม้ว่าผู้ผลิตจะระบุว่าสามารถใช้ได้ตลอดอายุการใช้งาน
แต่ก็ควรได้รับการเปลี่ยนถ่ายบ้าง เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานระบบเกียร์
    ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 20,000 - 40,000 กิโลเมตรแล้วแต่รุ่นรถ

6. ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง
    ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงพบได้ทั้งรถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินและดีเซล โดยมีหน้าที่ดักจับสิ่ง
สกปรกต่างๆและน้ำ ที่มากับน้ำมันที่เราเติมตามปั๊มนั่นเอง ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้นานๆแล้ว
จะทำให้ไส้กรองตัน จนแรงดันน้ำมันไปยังเครื่องยนต์ไม่พอ ส่งผลให้ครื่องยนต์มีอาการเร่งไม่ขึ้น
กระตุก หรือสตาร์ทยากได้
    ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 2 ปีหรือ 40,000 กิโลเมตรแล้วแต่รุ่นรถ
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

7. หลอดไฟต่างๆ

     ควรตรวจเช็คหลอดไฟต่างๆรอบตัวรถ ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า (ไฟต่ำ, ไฟสูง, ไฟหรี่),
ไฟเลี้ยวทั้ง 4 มุมรวมถึงด้านข้าง, ไฟท้าย, ไฟเบรค ไฟถอยหลัง, ไฟตัดหมอก ฯลฯ
ว่าติดครบทุกดวงหรือไม่ หลอดไส้แบบฮาโลเจนนั้นมีโอกาสขาดได้ง่ายกว่าแบบ
Xenon และ LED มาก การขับรถผ่านทางขรุขระบ่อยๆก็อาจทำให้หลอดขาดได้
จึงควรหมั่นตรวจสอบสม่ำเสมอ

     ระยะเวลาเปลี่ยน เปลี่ยนเมื่อหลอดขาด

8. สายพานไทม์มิ่ง

     เครื่องยนต์ทั่วไป มีสายพานจำนวนหลายเส้นช่วยขับเคลื่อนเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์
เช่น สายพานไทม์มิ่ง, สายพานคอมแอร์, สายพานเพาเวอร์, สายพานปั๊มน้ำ ฯลฯ
แล้วแต่รุ่นรถ แต่หากสายพานไทม์มิ่งซึ่งเป็นสายพานหลักของเครื่องยนต์ขาดจะ
ส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์อย่างรุนแรง

     ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 100,000 กิโลเมต

9. หัวเทียน

     หัวเทียนส่งผลต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์ หากหัวเทียนเก่าเกินไป อาจทำให้เครื่องยนต์สะดุด
ทำงานได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งหัวเทียนแบบปกติมีราคาไม่แพง สามารถซื้อหามาเปลี่ยนได้ง่าย

     ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 40,000 กิโลเมตร

10. ใบปัดน้ำฝน

     อากาศร้อนอบอ้าวของเมืองไทย ส่งผลให้อายุการใช้งานใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพเร็ว
ดังนั้น หากใบปัดไม่สามารถรีดน้ำได้อย่างสมบูรณ์แล้ว จึงควรรีบเปลี่ยนทันที
โดยเฉพาะเมื่อเข้าหน้าฝนแบบนี้

     ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 1 ปี
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

5 เทคนิคจอดรถในห้างฯไม่กลัวรถหาย

จจุบันมีการเหตุโจรกรรมรถยนต์เกิดขึ้นไม่เว้นในแต่ละวัน หรือเบาหน่อยก็คงเป็นการงัดแงะ ทุบ
เพื่อฉกฉวยสิ่งของมีค่าในรถยนต์ ถ้าหากจอดไว้ในบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิดก็ดีหน่อย
เพราะช่วยให้หัวขโมยทำมิดีมิร้ายได้ลำบากขึ้น แต่ถ้าจอดรถตามห้างสรรพสินค้าหรือที่จอดรถสาธารณะล่ะ
จะรับมืออย่างไรดี?

     เราจะพาไปรู้จักเทคนิค 5 ข้อสำหรับจอดรถในห้างฯแบบไม่ต้องกลัวหัวขโมยกันครับ

1. จอดรถในชั้นที่มีทางเข้าห้างฯเท่านั้น

     ห้างสรรพสินค้าบางแห่ง อาจแบ่งที่จอดรถออกเป็นสองชั้น ต่อชั้นของตัวห้างฯหนึ่งชั้น
ทำให้เกิดเป็นชั้นครึ่งที่ไม่มีทางเข้าห้างโดยตรง จำเป็นต้องเดินขึ้น-ลงบันไดเพื่อไปยังชั้นที่มีทางเข้าตัวห้างฯ
ซึ่งชั้นครึ่งเหล่านี้มักมีผู้คนเดินพลุกพล่านน้อยกว่าชั้นปกติ ทำให้หัวขโมยสามารถลงมือได้ง่ายขึ้น
ทางที่ดีควรเลี่ยงชั้นครึ่งเหล่านี้ ไปจอดชั้นที่มีทางเข้าห้างสรรพสินค้าแทนเสียจะดีกว่า
อย่างน้อยก็มีคนเดินผ่านไปผ่านมาช่วยเป็นหูเป็นตา



     2. จอดรถใกล้ทางเข้าห้างฯมากที่สุด

     นอกจากจะจอดรถในชั้นที่มีทางเข้าไปยังตัวห้างฯแล้ว ยังควรจอดรถใกล้กับประตูห้างฯด้วย
เนื่องจากเป็นจุดที่มีคนเดินผ่านอยู่แล้ว หากจอดรถไว้ที่ไกลๆ อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยวและลับตาคน
เพิ่มความเสี่ยงต่อการโจรกรรมมากยิ่งขึ้น
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

3. ตรวจสอบให้แน่ใจทุกครั้งว่าล็อคประตู

     เจ้าของรถควรดับเบิ้ลเช็ค หรือตรวจสอบซ้ำทุกครั้งหลังล็อคประตูรถ ว่าถูกล็อคเรียบร้อยแล้วจริงๆ
ด้วยการดึงมือเปิดประตูอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเปิดไม่ออก สำหรับรถบางรุ่นที่มีระบบ Keyless Entry
ที่ใช้มือเปิดประตูแบบสัมผัส ก็เพียงก้มลงไปดูว่าตัวล็อคภายในถูกกดลงแล้ว

     เนื่องจากปัจจุบันหัวขโมยมีเครื่องมือที่สามารถส่งสัญญาณรบกวนคลื่นรีโมทของรถ
ซึ่งหากเจ้าของรถไม่ตรวจสอบอย่างรอบคอบ ก็อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้โดยง่าย

     4. จอดรถในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ

     การจอดรถในที่มืด ช่วยให้เหล่ามิจฉาชีพทำงานได้สะดวกขึ้น เนื่องจากโอกาสที่จะถูกพบเห็นมีน้อยกว่า
ทางที่ดีควรจอดในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพราะนอกจากตัวรถจะปลอดภัยขึ้นแล้ว
ยังเพิ่มปลอดภัยต่อเจ้าของรถขณะอยู่เดินอยู่ในที่จอดรถอีกด้วย

     5. เก็บของมีค่าให้มิดชิดที่สุด

     ข้อนี้เป็นจุดที่คุณผู้หญิงส่วนใหญ่มองข้ามอยู่บ่อยๆ เนื่องจากบางคนมักเก็บกระเป๋าถือไว้ใต้เบาะคนนั่ง
แล้วปล่อยให้สายกระเป๋าโผล่ออกมาโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งหัวขโมยก็จะรู้ทันทีว่ามีของมีค่าอยู่ใต้เบาะแน่นอน

     ทางที่ดีควรเก็บสิ่งของประเภทกระเป๋า อุปกรณ์ราคาแพงต่างๆ หรือแม้แต่ถุงที่มีลักษณะสวยงาม เช่น
ถุงผ้าสักหลาด เอาไว้ในกระโปรงท้ายรถให้หมด ส่วนรถที่มีลักษณะแฮทช์แบ็คก็ควรปิดแผงบังตาไว้ตลอดเวลา
เพื่อไม่ให้โจรพบเห็นสิ่งของได้ง่าย

     แม้ว่าที่กล่าวมานั้น อาจไม่ช่วยป้องกันมิจฉาชีพได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงลงได้เป็นอย่างดี
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

จีเอ็ม สร้างยอดขายสูงสุดในรอบ 34 ปี

เจนเนอรัล มอเตอร์สผู้ผลิตรถยนต์ เชฟโรเลต สร้างสถิติยอดขายประจำไตรมาสสามสูงสุดในรอบ 34 ปี

          เจนเนอรัล มอเตอร์ส รายงานยอดขายรถทั่วโลกอยู่ที่ 2,449,595 คันในไตรมาสที่สามของปี 2014
เพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นับเป็นการสร้างสถิติยอดขายประจำไตรมาสสามที่สูงที่สุดในรอบ 34 ปี
ขณะที่ยอดขายรถในเก้าเดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 7,371,743 คัน เติบโต 2 เปอร์เซ็นต์

          ในสหรัฐอเมริกาและจีนซึ่งเป็นตลาดรถที่ใหญ่ที่สุดของจีเอ็มเติบโตเพิ่มขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์
และ 14 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ ขณะที่ยอดขายรวมตั้งแต่ต้นปีเพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ ในสหรัฐอเมริกา
และเติบโต 12 เปอร์เซ็นต์ในประเทศจีน

          ประเทศจีนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นอีกตลาดสำคัญของ จีเอ็ม โดยในปี 2014 นี้คาดว่ายอดรถจะขายเกิน 3 ล้านคัน
ต่อเนื่องกันเป็นปีที่สอง

          "จีเอ็มสร้างสถิติยอดขายประจำไตรมาสสามสูงสุดในรอบ 34 ปี ซึ่งได้แรงขับเคลื่อนจากการเติบโตอันมั่นคง
ในสหรัฐอเมริกาและจีน รวมถึงส่วนแบ่งการตลาดที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องของโอเปิล" แมรี่ บาร์ร่า
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของจีเอ็มกล่าว

          ซึ่งการเปิดตัวรถใหม่หลายรุ่นทั้ง เชฟโรเลต โคโลราโด และจีเอ็มซี แคนยอน ในอเมริกาเหนือ โอเปิล/วอกซ์ฮอลล์
คอร์ซ่า ในยุโรป และบูอิค เอ็นวิชั่น และคาดิลแลค เอทีเอส-แอล ในจีน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะกระตุ้นยอดขายของจีเอ็ม
ให้เติบโตอีกทางหนึ่งด้วย
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

12 เทคนิคขับรถสุดประหยัดช่วงน้ำมันถูก

  เชฟโรเลตได้แนะนำเทคนิค 12 ประการ ที่จะช่วยประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะช่วงที่น้ำมันปรับราคาลง
ช่วยเซฟเงินในกระเป๋าแบบสุดๆ จะมีอะไรกันบ้าง

    1. ตรวจสอบแรงดันลมยางก่อนใช้รถ

     การเติมลมยางอย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่ให้มากขึ้น 3.3 เปอร์เซ็นต์
พร้อมกับมีความปลอดภัยและใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น ถ้ายางทั้งสี่เส้นมีลมอ่อนเกินไปหนึ่งปอนด์ต่อตารางนิ้ว
จะทำให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น 0.3 เปอร์เซ็นต์ เพราะยางจะมีแรงเสียดทานขณะขับเคลื่อนมากขึ้นจึงต้อง
ใช้กำลังและเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นในการขับเคลื่อนตัวรถ

     แนะนำว่าผู้ขับขี่ควรซื้ออุปกรณ์วัดลมยางและตรวจเช็คลมยางสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
ยางรถยนต์ที่มีแรงดันเหมาะสมจะทำให้รถมีการเกาะถนนดี ส่งผลต่อการตอบสนองของพวงมาลัยและ
เพิ่มประสิทธิภาพการเบรก

     2. หลีกเลี่ยงการปรับแต่งขนาดล้อและยาง

     ล้อที่มีขนาดใหญ่เต็มซุ้มล้อและยางแก้มเตี้ยจะเพิ่มอัตราการบริโภคน้ำมันให้สูงขึ้น ล้อและยางที่มีขนาดใหญ่
จะเพิ่มแรงเสียดทานขณะขับเคลื่อน เพิ่มน้ำหนักใต้สปริง และส่งผลต่อหลักอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ
ทำให้ใช้น้ำมันเพิ่มมากขึ้นและส่งผลต่อประสิทธิภาพการขับขี่ ในกรณีร้ายแรงอาจเป็นอันตรายต่อการ
เบรกและการควบคุมรถ

      3. ไม่บรรทุกสิ่งของน้ำหนักมากที่ไม่จำเป็นไว้ในรถ

     การขับขี่ทางไกลจำเป็นต้องมีการบรรทุกสัมภาระแต่ควรระวังไม่บรรทุกมากเกินไป เนื่องจากน้ำหนักที่
เพิ่มขึ้นจะทำให้รถต้องใช้กำลัง และเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นในการขับเคลื่อน ดังนั้นควรทำให้รถมีน้ำหนักเบาอยู่เสมอ
การบรรทุกสัมภาระที่ไม่จำเป็นจะทำให้รถทำงานหนักเพิ่มขึ้นและใช้น้ำมันมากกว่าปกติ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 45 กก.
จะเพิ่มอัตราการบริโภคเชื้อเพลิง 2 เปอร์เซ็นต์ และมากกว่านี้ในรถขนาดเล็ก

     ราวหลังคา ที่มีการบรรทุกสัมภาระจะเพิ่มการบริโภคน้ำมันขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ น้ำมันประมาณหนึ่งลิตรจะถูก
เผาผลาญในการขับเคลื่อนตัวรถให้ผ่านแรงเสียดทานอากาศ ดังนั้นรถที่มีการบรรทุกสัมภาระไว้บนหลังคาจะทำ
ให้การประหยัดน้ำมันลดลง
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

4. ดูแลรักษารถให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ

     ที่กรองอากาศและน้ำมันเครื่องที่สกปรก เซ็นเซอร์ออกซิเจน และหัวเทียนที่ทำงานผิดปกติ
รวมถึงชิ้นส่วนที่บกพร่องอื่นๆ จะทำให้การบริโภคน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น เครื่องยนต์ที่มีการดูแลรักษา
อย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มการประหยัดน้ำมันขึ้นประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ การซ่อมแซมปัญหาทีมี
ความสำคัญอย่างเซ็นเซอร์ออกซิเจนจะช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้สูงขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์

     การเปลี่ยนไส้กรองที่อุดตันอย่างรุนแรงจะช่วยเพิ่มการประหยัดน้ำมันขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์
แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องที่บริษัทผู้ผลิตรถแนะนำ เพราะจะช่วยเพิ่มการประหยัดน้ำมันขึ้นอีก
1 – 2 เปอร์เซ็นต์ ผู้ขับขี่ไม่ควรละเลยสัญญาณไฟเตือนให้เข้ารับบริการ

     5. ตรวจสอบฝาถังน้ำมันอยู่เสมอ

     ฝาถังน้ำมันที่หลวมหรือปิดไม่แน่นไม่เพียงแต่จะทำให้ “ไฟสัญญาณเตือนรูปเครื่องยนต์”
ปรากฏขึ้นเท่านั้น ข้อมูลจากดิสคัฟเวอรี่ แชนเนล ยังระบุว่าจะทำให้น้ำมันระเหยไปโดยเปล่า
ประโยชน์เกือบ 518 ล้านลิตรต่อปี ฝาถังน้ำมันที่หลวมหรือปิดไม่แน่นจะทำให้การประหยัด
น้ำมันลดลง 1 – 2 เปอร์เซ็นต์

     6. พิจารณาใช้น้ำมันเชื้อเพลิงผสม

     การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเอทานอลจะช่วยลดค่าใช้จ่ายลง รถที่ใช้เครื่องยนต์
เบนซินทุกรุ่นรองรับเชื้อเพลิง E20 และ E85 ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

7. ขับรถให้ช้าลง

     การขับรถออกตัวจะใช้น้ำมันมากกว่าการรักษาความเร็วรถให้คงที่ ผู้ขับขี่ควรเหยียบคันเร่ง
ออกจากทางแยกหรือสัญญาณไฟจราจรอย่างนุ่มนวล การเร่งรถอย่างรวดเร็วจะใช้ความเร็วมาก
เกินความจำเป็นและการเบรกอย่างรุนแรง จะทำให้การประหยัดเชื้อเพลิงลดลง 33 เปอร์เซ็นต์
บนถนนหลวงทางไกล และ 5 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการขับขี่ในเมือง

     ความเร็วที่ช่วยประหยัดน้ำมันมากที่สุดสำหรับ รถส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 65 – 100 กม./ชม.
อัตราการบริโภคเชื้อเพลิงจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อขับรถด้วยความเร็วเกินกว่า 96 กม./ชม.

8. ใช้เกียร์สูง

     ถ้าขับรถด้วยเกียร์ธรรมดา แนะนำให้ใช้เกียร์สูงเพื่อรักษารอบเครื่องยนต์ให้ต่ำซึ่งจะบริโภค
น้ำมันน้อยกว่าแต่ไม่ควรขับขี่เช่นนี้มากเกินไปจนฉุดกำลังเครื่องยนต์หรือทำให้เครื่องยนต์ดับ
ถ้าขับขี่รถเกียร์อัตโนมัติ ควรผ่อนคันเร่งเล็กน้อย (ไม่ควรถอนคันเร่งออกทั้งหมด)
ในจังหวะที่ระบบเกียร์ “เปลี่ยน” สู่เกียร์ที่สูงขึ้น

     รถที่ใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด ซึ่งมีอัตราการทดเกียร์ที่สูงกว่า
ช่วยลดรอบเครื่องยนต์ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่และประหยัดน้ำมัน
ควรหลีกเลี่ยงการใช้สวิทช์ “Hold” ถ้าไม่จำเป็น

9. ตั้งสติและขับขี่อย่างนุ่มนวล

     ถ้าหากรถของคุณมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติหรือครูสคอนโทรล
ให้เปิดใช้ระบบนี้โดยเฉพาะเมื่อขับรถทางไกล ระบบครูสคอนโทรลจะช่วยป้องกัน
ไม่ให้ขับรถเร็วเกินกำหนดและช่วยเพิ่มการประหยัดน้ำมันด้วยการเร่งและผ่อนความ
เร็วอย่างนุ่มนวล ระบบครูสคอนโทรลจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับเกียร์โหมด
ประหยัดหรือโหมดออโต และไม่ควรใช้ครูสคอนโทรลเมื่อฝนตกหนักหรือขับรถบนพื้นถนนที่เปียกลื่น
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

กลับไปยังรายบอร์ด
Image Hosted by CompGamer Image Host Image Hosted by CompGamer Image Host