ปะยางรถยนต์ เรื่องใกล้ตัวที่คุณควรรู้!

totheworld

   
ล้อรถ ส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนบนผิวถนนทั้งหลายสามารถใช้งานได้ ซึ่งปกติแล้วล้อรถจะถูกห่อหุ้มด้วยยาง และด้วยความที่ตัวยางดังกล่าวต้องสัมผัสกับพื้นถนนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ใช้งานหรือไม่ใช้งานก็ตาม นั่นจึงทำให้มีโอกาสที่ยางรถจะไปเจอของกับของแหลมคม หรือกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่างจนเกิดรูรั่วขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้เองบทความในวันนี้ เราจึงจะมาพูดถึงเรื่องที่คุณต้องรู้ก่อนจะ “ปะยางรถยนต์” กัน
   
โดยหลัก ๆ แล้ววิธี “ปะยางรถยนต์” จะแบ่งออกเป็น 3 วิธี

สตรีมร้อน : ต้องถอดเอายางรถยนต์ออกมาก่อนเพื่อหารูรั่ว และทำความสะอาดโดยรอบแผลยาง จากนั้นก็ใช้หินเจียร์ กาว และยางปะบริเวณที่รั่ว  ก่อนจะนำขึ้นเตาความร้อนเพื่อละลายให้ยางเป็นเนื้อเดียวกัน
- ข้อดี : วิธีปะยางรถยนต์แบบนี้เหมาะกับรถที่มีน้ำหนักมาก เช่นรถบรรทุก
- ข้อเสีย : อาจทำให้ยางเสียรูป และบวมได้

สตรีมเย็น : คล้ายคลึงกับการสตรีมร้อน เพียงแต่วิธีนี้จะไม่ใช่ยางปะและเอาเข้าเตาความร้อน หากแต่จะใช้แผ่นยางสตรีมเย็นแปะทับเข้าไป ก่อนจะใช้ค้อนตีให้แนบสนิท
- ข้อดี : ยางไม่เสียรูป ขับได้ตามปกติ
- ข้อเสีย : ไม่สามารถรับน้ำหนักมาก ๆ ได้ วิธีปะยางรถยนต์แบบนี้จึงไม่เหมาะกับรถที่มีน้ำหนักมากอย่างบรรทุก

แทงไหม : เหมาะกับยางรถยนต์ที่มีแผลขนาดเล็กซึ่งเกิดจากตะปู ไม่ก็น็อตที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก วิธีนี้เพียงแค่ดึงวัตถุที่เสียบออก จากนั้นจึงทำความสะอาดบาดแผล และตามด้วยการแทงไหมเข้าไป ก่อนจะใช้กาวเพื่อปิดรูก็เป็นอันจบ
- ข้อดี : ง่าย ไม่ต้องถอดยาง ราคาไม่แพง
- ข้อเสีย : จะปะไม่ค่อยอยู่ อาจมีลมซึมออกมาบริเวณดังกล่าวได้ เหมาะกับแผลขนาดเล็กเท่านั้น และมีความเสี่ยงที่อาจหลุดออกมาได้

   

หลังจากปะยางรถยนต์เสร็จแล้ว งั้นเราก็มาพูดถึงคำถามต่อไป ..เรื่องอายุการใช้งาน ถ้าปะยางแล้วแบบนี้ต้องไปเปลี่ยนยางตอนไหน คุณภาพและอายุการใช้งานของยางยังคงเหมือนเดิมหรือเปล่า?
   
คำตอบขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่คุณรู้ว่ายางรั่ว รู้เอาตอนไหน ถ้ารู้เอาตอนที่ยางยังแค่ลมอ่อน ซึ่งเกิดจากการที่มีรูรั่วเล็ก ๆ และไปปะยางก่อนที่มันจะแบนแต๊ดแต๋ งั้นก็ยังถือว่าโอเค สามารถใช้งานได้ตามอายุของยาง แต่ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงการกระแทกแรง ๆ ตกหลุม หรืออย่าเบรคแรง ๆ เพราะที่ปะไว้อาจจะหลุดได้
   
แต่ถ้าคุณมารู้ตัวเอาตอนที่ยางมันแบนไปหมดแล้ว ตัวล้อเหล็กบี้แก้มยางซะจนเสียรูป ถ้ามารู้เอาตอนนี้ละก็ ต่อให้คุณปะยางไปก็ไม่ช่วยอะไร สู้เปลี่ยนยางรถยนต์เลยดีกว่า จะได้สบายใจ

   
อย่าลืมเข้าศูนย์ เช็คสภาพตามระยะ และสลับยางเพื่อยืดอายุการใช้งานออกไป ส่วนเมื่อไหร่ที่ควรจะเปลี่ยนยางใหม่นั้น ก็ให้ดูที่ดอกยาง และอายุการใช้งาน ถ้าตัวดอกยางเริ่มหาย ๆ และมีอายุเกิน 2 ปีครึ่งแล้ว ถ้าแบบนั้นก็ควรที่จะเปลี่ยนใหม่ไปเลยดีกว่าเพื่อความปลอดภัย