"

Image Hosted by CompGamer Image Host      Image Hosted by CompGamer Image Host
กลับไปยังรายบอร์ด โพสต์ใหม่
ระวังน้ำมันเบรกหมด!

นํ้ามันเบรกรถยนต์ถือว่ามีความสำคัญไม่น้อยกว่าระบบอื่นๆ ปัจจุบันมีขายอยู่ทั่วไป
คุณภาพในแต่ละยี่ห้อใกล้เคียงกัน อยู่ที่ว่าต้องการยี่ห้อไหนหรืออาจใช้ตามมาตรฐานของ
คู่มือรถที่ให้มาก็ได้ นับว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด

     การตรวจสอบน้ำมันเบรก ควรตรวจสอบให้อยู่ในระดับพอดีเสมอ หากปล่อยให้น้ำมันเบรก
แห้งหรือรั่วไหลออกไป จนหมดหรือเหลือน้อย การเบรกอาจไม่มีประสิทธิภาพทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ขั้นตอนการเติมน้ำมันเบรก

     1.เปิดฝากระโปรงรถยนต์

     2.ถ้วยน้ำมันเบรกจะติดอยู่บริเวณชิดกับตัวถังรถในส่วนที่ติดกับกระจกให้เช็กระดับของน้ำมันเบรก
ในถ้วยว่าอยู่ในระดับไหน ถ้าระดับน้ำมันเบรกอยู่ MAX ไม่ต้องเติมน้ำมันเบรก MIN
ต้องเติมน้ำมันเบรกให้ถึงเส้น MAX ห้ามเติมน้ำมันเบรกเกินระดับ MAX เพราะจะทำให้น้ำมันเบรก
กระฉอกเวลารถวิ่ง น้ำมันเบรกจะทำปฏิกิริยากับสีรถหรือบริเวณใกล้เคียงให้เสียหายได้

     3.ก่อนเปิดฝาน้ำมันเบรกให้เช็ดทำความสะอาดบริเวณฝาปิด-เปิดให้สะอาดเพื่อป้องกันเม็ดทราย
หรือละอองต่างๆตกลงไปอาจทำใหระบบเบรกเสียหายได้

     4.เติมน้ำมันเบรกลงไปในถ้วยตามระดับในข้อที่ 2

     5.ปิดฝาให้เรียบร้อย อย่าลืมก่อนปิดฝาต้องทำความสะอาดบริเวณฝาปิดถ้วยน้ำมันเบรกด้วย

     มีรถยนต์รุ่นเก่าบางรุ่น ถ้วยน้ำมันเบรกจะติดอยู่บริเวณหัวเก๋งด้านคนขับก็ใช้วิธีการเติมแบบเดียวกัน
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

2.การล้างแบบไม่ถอดตู้ เพื่อช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้น เสร็จเร็ว ทางร้านได้เงินไว
โดยทั่วไปเครื่องล้างตู้แอร์จะกำหนดน้ำยาที่ต้องใช้เฉพาะสำหรับการล้าง แต่บ้างเอาผงซักฟอก
โซดาไฟ ผสมลงไปเพื่อให้น้ำยาใช้ได้หลายคันขึ้น เวลาล้างน้ำยาออกจะมีปัญหา เพราะเครื่อง
ไม่ได้ถูกกำหนดให้ล้างผงซักฟอก หรือโซดาไฟ ผลที่ได้อาจคาดไม่ถึง

     การล้างแบบนี้เหมาะกับรถใหม่ รถที่ล้างแอร์ปีละ 1 ครั้ง หรือเหมาะกับรถที่ดูแลตู้แอร์เป็นประจำ
ถ้าใช้มา 7-8 ปี แล้ว ช่างแอร์ไม่ค่อยอยากล้างวิธีนี้ เพราะตู้แอร์อาจรั่วอยู่แล้ว แต่ฝุ่นไปอุดรูรั่วไว้
พอล้างเอาฝุ่นออก รอยรั่วก็ปรากฏ

     3.การฉีดสเปรย์ทำความสะอาดตู้แอร์ ไม่ต้องรื้อตู้ออกมา ฉีดสเปรย์ทำความสะอาดให้ทั่วคอยล์เย็น
ก็เป็นอันเรียบร้อย คราบน้ำยาจะค่อยๆ ออกมาพร้อมกับน้ำแอร์ตามท่อน้ำทิ้ง ถ้าตู้แอร์ไม่สกปรกมาก
วิธีนี้ก็พอใช้ได้ แต่คงต้องฉีดสเปรย์กันบ่อย 2-3 เดือนต่อครั้ง เพราะอยู่ในเมือง ฝุ่นจะเยอะ
สเปรย์บางยี่ห้อจะช่วยขจัดกลิ่นด้วย ราคาค่าฉีดสเปรย์ รวมแล้วมากกว่าการล้างตู้แอร์แบบที่ 1 และที่ 2

     4.การใส่กรองแอร์ ไม่ใช่รถทุกรุ่นจะใช้ได้ เพราะกรองแอร์ก็ทำมาสำหรับรถอีกระดับ ช่วยกรองฝุ่นอีกวิธีหนึ่ง
แต่อายุการใช้งานก็ประมาณ 5,000 กม. ต้องเปลี่ยนอันใหม่ ถ้าไม่เปลี่ยน ลมจะผ่านเข้าตู้แอร์ไม่สะดวก
ลมแอร์ที่ออกมาก็จะอ่อนกำลังลง ลมที่ตีกลับจะมีผลต่อคอมแอร์ กรองแอร์สำหรับรถบางรุ่นราคาพอรับได้
แต่บางรุ่นราคาเป็นพันบาท ถ้าใช้วิธีนี้ในการทำความสะอาด ในระยะ 1 ปี ก็เสียค่าใช้จ่ายมากกว่า
การทำความสะอาด แบบที่ 1 และที่ 2

     ส่วนการป้องกันให้ใช้แอร์ได้นานๆ ไม่ต้องล้างบ่อยๆ วิธีง่ายๆ ลงรถเมื่อไหร่เคาะพรมเมื่อนั้น
เพราะพัดลมแอร์อยู่ใกล้กับพรมรองเท้า ถ้าสะสมไว้มันจะดูดเข้าไปเรื่อยๆ ทำให้ตู้แอร์ตันเร็ว
ถ้าทำได้เป็นนิสัย ยืดอายุล้างตู้แอร์ได้กว่า 2 ปีเลยทีเดียว
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

รู้เปล่า...ควรล้างแอร์รถเมื่อไหร่?

มีคำถามที่หลายคนยังได้รับข้อมูลมาต่างกันว่า เมื่อไหร่ควรล้างแอร์รถยนต์ของคุณคำตอบ
ที่ถูกต้องขึ้นอยู่กับการใช้งานรถยนต์ของแต่ละคน เช่น เส้นทางการใช้งาน มีสภาพถนนอย่างไร
ฝุ่นมากหรือไม่ ลุยน้ำหรือเปล่า แต่ตามปกติประมาณ 1 ปีขึ้นไป หรือ 20,000 กิโลขึ้นไป

ส่วนจะรู้ได้ไงว่าตู้แอร์ได้เวลาล้างแล้ว ให้สังเกตกลิ่นฝุ่น ถ้าเอาจมูกจ่อช่องลมแอร์แล้วมีกลิ่นอับ

สำหรับวิธีทำความสะอาดตู้แอร์ มี 4 วิธี

1.ล้างตู้แอร์แบบถอดตู้ ต้องรื้อตู้แอร์ แล้วเอาคอยล์เย็นมาล้างข้างนอก น้ำยาทำความสะอาด
แตกต่างกันไปแล้วแต่ช่างจะใช้อะไรเพื่อประหยัดต้นทุน ราคาถูกก็ผงซักฟอก โซดาไฟ
พวกนี้จะล้างออกยาก ดังนั้น เวลาประกอบกลับ เปิดแอร์จะรู้สึกว่ามีกลิ่นผงซักฟอก
แสดงว่าล้างออกไม่หมด อาจกัดกร่อนคอยล์เย็นได้ และเมื่อสูดดมเข้าไป ไม่ส่งผลดีต่อระบบหายใจ
ถ้าคนแพ้ ก็อาจแสบตา แสบจมูก

การถอดล้างตู้แอร์แบบนี้ ต้องแวคเติมน้ำยาแอร์ใหม่ และต้องเปลี่ยนไดเออร์กับวาล์วความดัน
ถ้าประหยัดงบ ไม่ยอมเปลี่ยน ท่อแอร์รั่วได้เพราะความชื้นเข้าไปอยู่ในระบบจากการถอดตู้แอร์
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ในการถอดเปลี่ยน ในแต่ละรุ่น แต่ละแบบ แตกต่างกันไป และต้องใช้ขนาดของหลอดที่เท่ากัน

     ในบางครั้ง หลอดไฟเบรกติดครบหมดทุกดวง แต่พอเปิดไฟหรี่หรือไฟหน้า แล้วเหยียบเบรก
ไฟเบรกบางดวงเกิดดับไป แสดงว่ามีการขัดข้องเกิดขึ้น ส่วนนี้คงต้องให้ผู้ชำนาญงานตรวจสอบอีกครั้ง

  ถ้าต้องการเปลี่ยนหลอดไฟเบรกด้วยตนเอง โดยซื้อหามาใส่เอง ควรเลือกชนิดหลอดไฟที่มีขนาดและ
ค่ากำหนดเท่ากัน มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบถึงส่วนอื่น เช่น ในรถยนต์ที่มีระบบเอบีเอส ถ้าใช้หลอดไฟไม่เหมือนกัน
จะทำให้ไฟโชว์เอบีเอสค้างได้

     ฝากเตือนผู้ขับขี่ก่อนออกเดินทาง ให้สังเกตไฟเบรกสักนิด เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของท่านและเพื่อนร่วมทาง
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ดูแลไฟเบรกอย่าให้ “ไส้ขาด!“ : คอลัมน์ คาร์ทิปส์

   รถคันไหนไฟเบรกขาด ถือว่ามีความอันตรายอย่างยิ่ง เพราะรถคันตามหลังอาจชนท้ายรถคุณได้ทุกเมื่อ
สาเหตุที่ทำให้ไฟเบรกไม่ติดอันดับหนึ่งคือ หลอดไฟไส้ขาด

อายุของหลอดไฟไม่สามารถระบุได้แน่นอน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน พฤติกรรมของผู้ใช้รถส่วนใหญ่
เวลาติดไฟแดง บนสะพาน และอื่นๆ ชอบเหยียบเบรกค้างไว้ ผู้ที่อยู่รถคันหลังในตอนกลางวันความสว่างไม่เท่าไหร่
แต่ถ้าเป็นกลางคืน แสงจากไปเบรกจะเข้าตาอย่างชัดเจน จนบางครั้งทำให้หน้ามืดเลยทีเดียว
เพราะฉะนั้นรถจอดบนพื้นเรียบ ควรเข้าเกียร์ว่างและเอาเท้าออกจากคันเหยียบเบรก หลอดไฟก็จะใช้งานนานขึ้น
และผู้ขับรถตามหลังก็ไม่รำคาญด้วย

สำหรับการตรวจสอบไฟเบรก กรณีมีเพียงคนเดียว ให้หันท้ายรถเข้ากับกำแพง หรือ วัสดุที่สามารถเห็น
สะท้อนได้ชัดเจน เหยียบเบรกแล้วมองดูว่าติดครบทุกดวงหรือไม่ ถ้าหลอดไฟหลอดหนึ่งขาดให้ถอดเปลี่ยน
กรณีมี 2 คน เหยียบเบรก 1 คน อีก 1 คน อยู่ท้ายรถ เพื่อดูสถานะของไฟเบรก
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

3.อาการพวงมาลัยหนัก

     เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ขาด สายพานหย่อน
แต่ถ้าหนักเฉพาะตอนเลี้ยวข้างใดข้างหนึ่งมักจะเป็นที่วาล์ว รถรุ่นใหม่อาจเป็นเพราะ
ปั๊มเพาเวอร์ไฟฟ้าบกพร่อง หรือแรงดันลมยางโดยเฉพาะล้อหน้าอ่อนเกินไปหรือศูนย์ล้ออาจมีปัญหา

     4.อาการพวงมาลัยเลี้ยวแล้วไม่คืน

     ตัวการหลักมักเกิดขึ้นจากศูนย์ล้อไม่ถูกต้อง ควรไปร้านตั้งศูนย์ด่วน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

4.เช็คช่วงล่างและระบบกันสะเทือน

     การขับรถไปยังที่ที่ไม่คุ้นทาง อาจส่งผลให้ขับตกหลุมได้ ซึ่งหากเป็นหลุมเล็กๆก็คงไม่เป็นอะไร
แต่หากเป็นหลุมขนาดใหญ่ อาจส่งผลให้ศูนย์ล้อผิดเพี้ยนไปได้ ให้ลองเช็คเบื้องต้นด้วยการปล่อย
พวงมาลัยขณะที่รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า หากรถยังคงสามารถวิ่งไปตรงๆ ก็ไม่มีปัญหา
ทั้งนี้ควรเช็คสภาพถนนว่ามีการลาดเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งหรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลให้รถแฉลบออกด้านข้างได้เช่นกัน

     นอกจากนั้นยังควรตรวจสอบด้วยการฟังดูว่ามีเสียงผิดปกติขณะขับผ่านทางขรุขระหรือไม่

     5.เช็คไส้กรองอากาศ

     การเดินทางไปต่างจังหวัดอาจต้องขับผ่านถนนที่มีฝุ่นมากกว่าปกติ จึงควรเช็คไส้กรองอากาศว่ามีสิ่งสกปรก
อุดตันอยู่หรือไม่ หากมีก็ควรเป่าออก หรือเปลี่ยนไส้กรองใหม่ เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

     หากเป็นกรองชนิดแห้งปกติ ถ้าไม่มีฝุ่นมากจนเกินไปนัก สามารถเป่าสิ่งสกปรกออกได้
แต่หากเป็นไส้กรองชนิดเคลือบน้ำมันจะไม่สามารถทำความสะอาดได้ ต้องเปลี่ยนอย่างเดียว

     6.เช็คสภาพตัวถัง

     ควรล้างรถเมื่อมีโอกาส เพราะฝุ่นควันที่ติดมานั้น อาจสร้างผลกระทบต่อชั้นสีในระยะยาวได้
จากนั้นจึงควรเช็ครอบตัวรถว่ามีรอยบุบหรือรอยขูดขีดใดๆหรือไม่ เพื่อจะได้พิจารณาเคลมประกัน
หรือทำสีต่อไป (หรือปล่อยไว้เฉยๆก็ไม่ว่ากัน)

     มขั้นตอนเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลายคนอาจมองข้าม เนื่องจากเห็นว่ากลับบ้านได้โดยสวัสดิภาพแล้วก็จบกันไป
แต่หากปฏิบัติได้ตามวิธีขั้นต้นนี้แล้วล่ะก็ จะช่วยให้เจ้าของรถสามารถตรวจพบความผิดปกติเบื้องต้นได้
ก่อนปัญหาจะลุกลามใหญ่โตนั่นเอง
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

6 วิธีเช็คสภาพรถหลังกลับจากเดินทางไกล

  การตรวจเช็คสภาพรถยนต์หลังจากเดินทางไกลถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตัวรถถูกใช้งานมาอย่างหนัก
ทั้งเผชิญกับหลุมบ่อ, ถนนลูกรัง, การลากรอบเครื่องยนต์เป็นเวลานานๆ แม้กระทั่งการบรรทุกน้ำหนักมากกว่าปกติ
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุของการสึกหรอในชิ้นส่วนต่างๆของรถ หากเราตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่เบื้องต้น
ก็จะช่วยให้แก้ปัญหาได้ทันท่วงทีก่อนจะลุกลามบานปลายในระยะยาว

สิ่งที่ควรตรวจเช็คสภาพหลังกลับจากเดินทางไกล มีดังนี้

1.เช็คน้ำมันเครื่อง

     ควรเช็คระดับน้ำมันเครื่องเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในระดับปกติ โดยระดับของน้ำมันไม่ควรพร่องลงไปจากระดับ
ที่วัดก่อนการเดินทางมากนัก หากพบว่าน้ำมันเครื่องพร่องลงไปมากหรือต่ำกว่าระดับ MIN
ก็ควรตรวจเช็คว่ามีการรั่วซึมจุดใดหรือไม่

     นอกจากนั้นควรเช็คสภาพน้ำมันเครื่องว่าไม่ดำจนเกินไป รวมถึงไม่มีเศษเขม่าเจือปนอยู่
หากพบก็ควรหาเวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่ไปเลย

2.เช็คสภาพและลมยาง

     การเดินทางไกลอาจส่งผลให้ความดันลมยางลดลง จึงควรเช็คลมยางเมื่อมีโอกาส เพื่อป้องกันการ
สึกหรอของยางและลดโอกาสเกิดอันตรายจากการขับด้วยความเร็วสูง นอกจากนั้นยังควรตรวจสภาพยางว่า
ไม่มีอะไรเข้าไปทิ่ม อุด ตำ จนเป็นสาเหตุให้เกิดการรั่วซึมอย่างช้าๆ

     หากพบว่าล้อใดล้อหนึ่งมีความดันลมน้อยผิดปกติ ให้สันนิษฐานว่าล้อข้างนั้นอาจมีอะไรทิ่มเข้า
ไปแล้วคาอยู่ในเนื้อยาง เป็นเหตุให้เกิดการรั่วซึมอย่างช้าๆ ทางที่ดีควรปะยางหรือเปลี่ยนใหม่ให้เรียบร้อย

3.เช็คน้ำหล่อเย็น

     ควรตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น ทั้งในหม้อน้ำและหม้อพักน้ำ ทางที่ดีน้ำหล่อเย็นไม่ควรลดระดับไปมาก
นักเมื่อเทียบกับก่อนเดินทางไกล และควรเติมให้ได้ระดับพอดีก่อนใช้งานต่อไป
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

3. บอกรายละเอียดให้หมด

     เอารถไปตรวจเช็คสภาพ หาประวัติการซ่อมและแจ้งข้อมูลเหล่านั้นให้ครบ เช่น
คุณทำอะไรกับรถแล้วบ้าง รถมีปัญหาตรงไหน เพื่อที่คนซื้อจะได้รู้ว่าถ้าซื้อไปแล้วจะต้องไปทำอะไรต่อ
เคยโดนชนหน้า ชนหลังมาหรือเปล่า บอกให้หมดไม่ต้องกลัวว่าราคาขายจะตก
ดีกว่ามาโดนสาปแช่งทีหลัง


     4. จริงใจ อย่าโปรโมทเกินจริง

     บางครั้งคนที่โทรติดต่อมาอาจจะอยู่ต่างจังหวัด ต้องเสียค่ารถ เสียเวลามาดูรถที่คุณประกาศขาย
ยิ่งคุณโปรโมทรถเกินจริงเท่าไร คนซื้อก็ยิ่งคาดหวังสูง หากมาเห็นทีหลังแล้วไม่เป็นอย่างที่คิด
ก็จะเสียความรู้สึกกันเปล่าๆ ควรบอกรายละเอียดไปตามตรง แสดงความจริงใจในการซื้อขาย


     5. ถ้ายังขายไม่ได้

     อาจเป็นเพราะว่ารถมือสองรุ่นนั้นไม่ได้อยู่ในความนิยมหรืออาจตั้งราคาสูงเกินไป ถ้าอยากขายให้ได้จริงๆ
คงต้องพิจารณาลดราคาลง อีกอย่างหนึ่งการประกาศขายซ้ำๆ ไม่ได้ช่วยให้ขายได้
การตั้งประกาศใหม่ซ้ำซ้อนอาจทำให้ยิ่งดูด้อยค่าลง ควรทำการอัพเดตข้อมูลในประกาศเดิม
เช่น ลงภาพถ่ายในมุมอื่นๆ หรือลดราคาลงเพื่อให้คนสนใจมากขึ้น
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

รถมือสอง ทำยังไงให้ขายได้เร็ว

อยากขายรถเก่า ขับไปให้เต็นท์ตีราคาก็โดนกดราคาจนน่าใจหาย ขายเองดีกว่ามั้ย??
เว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์เป็นอีกสื่อที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยมจากทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ
เพราะสะดวกในการลงประกาศ โพสต์ปุ๊บก็แสดงผลเลย คนเห็นเยอะ ที่สำคัญคือลงประกาศฟรี
ได้ราคาดีกว่าเอาไปขายเต็นท์
เพื่อทำให้รถของท่านที่จะนำมาลงขายนั้นดูน่าสนใจ และง่ายต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อมากขึ้น
มาดูคำแนะนำสิ่งที่ผู้ขายรถมือสองควรปฏิบัติ

     1. ตั้งราคาที่เหมาะสม

     อาจใช้วิธีเอารถเข้าไปเต็นท์รถตีราคา และดูราคาจากเว็บรถมือสองต่างๆ เปรียบเทียบจากรถปีเดียวกัน
รุ่นเดียวกัน แล้วตั้งราคาในใจเอาไว้ ถ้ารถเราสภาพดีจริงและไม่ได้เร่งรีบที่จะขายก็อาจตั้งราคาสูงหน่อย
ซึ่งโดยมากถ้าเป็นรถตลาด สภาพดี และเป็นสีที่ได้รับความนิยม ใช้เวลาไม่นานก็ขายได้แล้ว

     การประเมินราคา ควรมองความนิยมของรถรุ่นนั้นว่าเป็นที่นิยมหรือไม่ ถ้าตลาดมีความต้องการสูง
ก็อาจจะต่อรองได้บ้าง โดยมากค่าเสื่อมราคาจะลดลงตามอายุของรถ หรือถ้ารถรุ่นนั้นมีโฉมใหม่
ออกมาก็จะต้องปรับราคากันอีกครั้ง

     2. ภาพถ่ายชัดเจน

     ถ้าอยากได้ราคาดี ก่อนถ่ายควรล้างรถดูดฝุ่นให้สะอาดเอี่ยมที่สุด ทั้งภายนอก ภายใน และห้องเครื่อง
ถ่ายภาพให้เห็นสภาพรวมของรถ ได้แก่ หน้าเต็ม หลังเต็ม ข้างรถ เครื่องยนต์ ช่วงล่าง
และรูปลักษณ์ภายใน เช่น เบาะ คอนโซล หน้าปัด วิทยุ ฯลฯ
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

กลับไปยังรายบอร์ด
Image Hosted by CompGamer Image Host Image Hosted by CompGamer Image Host