"

Image Hosted by CompGamer Image Host      Image Hosted by CompGamer Image Host
กลับไปยังรายบอร์ด โพสต์ใหม่
อย่ามองข้ามน้ำมันเกียร์

ระบบเกียร์ถือว่าเป็นระบบที่สำคัญช่วยในการส่งกำลังให้รถยนต์ได้ขับเคลื่อน ดังนั้นจึงจำเป็นต้อง
ดูแลรักษาระบบเกียร์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการเติมน้ำมันเกียร์ เพราะหากเกิดความเสียหาย
ผลที่จะตามมาก็คือผู้ใช้รถจะต้องควักกระเป๋าในการซ่อมแซมเกี่ยวกับระบบเกียร์จำนวนมากในแต่ละครั้ง
"ยานยนต์" มติชนมีคำแนะนำในการตรวจสอบสภาพของน้ำมันเกียร์ ดังนี้

1.น้ำมันเกียร์จะบอกสภาพของเกียร์ได้ น้ำมันเกียร์ที่ดีควรมีความสะอาด ไม่มีเศษโลหะหรือเป็นฟอง
และควรมีสีแดง

     2.ไม่ควรมีสีชมพู เป็นฟอง หรือสีขุ่นๆ คล้ายนมเย็น ซึ่งอาจจะมาจากน้ำหล่อเย็นหรือคูลแลนท์มาผสม เป็นต้น

     3.น้ำมันควรเช็ดออกง่ายจากก้านวัดระดับ การที่มีคราบวานิชเช็ดออกยากที่ก้านวัด แสดงให้เห็นว่าน่าจะมีปัญหา
ภายในเกียร์ และไม่ควรมีกลิ่นไหม้และไม่ควรมีสีคล้ำของน้ำมันเกียร์ด้วย เพราะนั่นหมายถึงเกียร์น่าจะมีการไหม้
หรือความร้อนสูงขึ้นแล้วภายใน

     4.การเติมน้ำมันเกียร์ กรณีระดับขาดเล็กน้อย ต้องแน่ใจว่าใส่น้ำมันเกรดเดียวกัน และมีความสะอาดอย่างเพียงพอ
นอกเหนือจากน้ำมันสะอาดและใช้น้ำมันที่ถูกต้องตามสเปกที่กำหนดแล้ว ระดับของน้ำมันก็มีความสำคัญมาก
ระดับที่มากเกินไป นอกจากจะทำให้เกิดฟองตามมาแล้ว อาจทำให้เกิดการรั่วซึมได้อีกด้วย และยังมีผลให้การ
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันในครั้งต่อไปไม่สามารถเปลี่ยนถ่ายได้มากเป็นปกติ ทำให้มีน้ำมันเก่าตกค้างได้มาก
หากมีน้ำมันน้อยเกินไปแน่นอนว่าการทำงานจะไม่ถูกต้องและอาจสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์ภายในเกียร์ได้

     กรณีน้ำมันน้อยหรือต่ำเกินไป สาเหตุคือเติมมาน้อยเกินไปแต่แรกหรือมีรอยรั่วที่ไหนหรือไม่ สิ่งนี้สำคัญมากๆ
ต้องหาให้ได้ว่าอะไรคือสาเหตุทำให้น้ำมันต่ำ

     ข้อควรระวังในการตรวจเช็กน้ำมันเกียร์
1.ระดับของรถจะต้องขนานกับพื้นไม่เอียง ทำให้ระดับผิดไป
2.เครื่องยนต์และเกียร์ควรจะอยู่ในอุณหภูมิเหมาะสมไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป
3.ดึงเบรกมือทุกครั้ง
4.เกียร์ควรอยู่ในตำแหน่ง N



     ที่มา นสพ.มติชน
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

รถเก๋ง รถกระบะต้องเติมลมยางเท่าไร

ยางรถยนต์แม้จะดูเป็นชิ้นส่วนที่ไม่มีความซับซ้อนอะไร แต่กลับเป็นส่วนที่รับบทหนักมากสุด
และมีความสำคัญอย่างมากเมื่อรถวิ่งอยู่บนถนน เช่น การยืดเกาะถนน รับน้ำหนักรถ
ซับแรงกระแทกจากพื้นถนน ซึ่งการเลือกยางที่ดีและเหมาะสมกับรถยังช่วยเรื่องประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย

รถประเภทไหน ควรเติมลมยางเท่าไร?

     คุณจะต้องตรวจความดันลมยางอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เนื่องจากปัจจัยต่อไปนี้

ความดันลมยางอ่อน ทำให้เนื้อยางสึกไวเร็วกว่าปกติ
ความดันลมยางที่สูงเกินไป จะลดอายุการใช้งานของยางลงถึง 10,000 กม.


     รถประเภทไหน เติมลมเท่าไร

รถเก๋งขนาดเล็ก ควรเติมลมยาง 25-30 ปอนด์
รถเก๋งขนาดกลางถึงใหญ่ ควรเติมลมยาง 30-35 ปอนด์
รถกระบะ ควรเติมลมยางไม่เกิน 65 ปอนด์

  วิธีสังเกตง่ายๆ ว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางแล้ว ให้ดูที่ “สะพานยาง” มีลักษณะเป็นสันนูนตรงดอกยาง
ถ้าเนื้อยางสึกถึงสะพานยังแล้วเป็นการบ่งบอกว่าถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนยางแล้วล่ะ

     ข้อแนะนำเพิ่มเติม: ก่อนออกเดินทางทุกครั้งอย่าลืมเช็กด้วยว่า รถของคุณได้ทำประกันภัยรถยนต์
และประกันยังไม่หมดอายุ เพราะเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา อย่างน้อยก็ยังอุ่นใจว่าประกันภัยจะ
ช่วยแก้ปัญหาและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแก่คุณได้ค่ะ
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

เคล็ดลับกระจกใสไร้ฝุ่น

กระจกรถใสแจ๋วไม่ได้มีดีเพียงแค่ทำให้รถน่าเหลียวมอง แต่ยังช่วยให้ทัศนวิสัยการมองเห็นของคนขับรถชัดเจนขึ้นด้วย
  
เตรียมอุปกรณ์: ผ้าแห้งสะอาดหรือหนังสือพิมพ์ ฟองน้ำสำหรับถูทำความสะอาด และถังใส่น้ำ

     ขั้นตอนที่ 1 ขจัดคราบสกปรก กระจกมัว คราบน้ำ คราบฝุ่น แก้ได้ด้วยการนำเกลือหรือแชมพูมาผสมกับน้ำสะอาด
แล้วเช็ดทำความสะอาดกระจกให้ทั่ว

     ขั้นตอนที่ 2 กระจกเงาวาว เคล็ดลับง่ายๆ เพียงใช้หนังสือพิมพ์เช็ดด้วยเบคกิ้งโซดาผสมน้ำหรือน้ำส้มสายชูเช็ดขัดเงาให้ทั่วไปเลย

     ขั้นตอนที่ 3 ลดรอยขีดข่วนที่กระจก จัดการด้วยกลีเซอรีนหรือใช้ยาสีฟัน โดยนำมาเช็ดจนทั่วแผ่นกระจกแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดออก
เท่านี้ก็เรียบร้อย

  Be Careful: น้ำยาเช็ดกระจกส่วนใหญ่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย ซึ่งเป็นอันตรายถ้าสูดดม เข้าตา หรือสัมผัส

     ข้อแนะนำเพิ่มเติม: เพื่อความปลอดภัยทุกการเดินทางควรทำความสะอาดกระจกให้มองเห็นได้ชัดเจนทุกครั้ง
และอย่าลืมเช็กด้วยว่ารถของคุณได้ทำประกันภัยรถยนต์และประกันยังไม่หมดอายุ เพราะเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา
อย่างน้อยก็ยังอุ่นใจว่าประกันภัยจะช่วยแก้ปัญหาและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแก่คุณได้ค่ะ
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

นอกจากนั้น ก็ยังควรเช็คสภาพรถเบื้องต้น ด้วยการตรวจเช็คอย่างง่ายๆ เริ่มตั้งแต่การฟังเครื่องยนต์
ว่ามีเสียงผิดปกติดังขึ้นหรือไม่ ตรวจเช็คสภาพยางว่าไม่มีจุดใดรั่วซึม เช็คความดันลมยาง
ตรวจเช็คระดับของเหลวต่างๆ ตั้งแต่ น้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเบรค, น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ฯลฯ

     หากพบว่ามีระดับพร่องกว่าปกติ ก็ควรเติมให้เรียบร้อย หรือ หากพบว่าน้ำมันเปลี่ยนเป็นสีดำ
ผิดจากก่อนเริ่มเดินทาง ก็ควรเปลี่ยนถ่ายใหม่ให้เรียบร้อย เพราะการเปลี่ยนถ่ายของเหลวก่อน
กำหนดถือเป็นการช่วยถนอมเครื่องยนต์ไปในตัว

     เพียงเท่านี้ รถสุดรักของคุณผู้อ่านก็จะยังคงมีสภาพเหมือนใหม่ดังเดิมครับ
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

เทคนิคดูแลสีรถ ‘ต้องทำ‘ หลังเที่ยวสงกรานต์

หลังจากที่คุณผู้อ่านขับรถตระเวนเที่ยววันหยุดสงกรานต์ 2558 อย่างอิ่มหนำสำราญกันแล้ว
รถสุดรักของคุณผู้อ่านอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเผชิญกับ คราบดินสอพองขาวโพลนติดอยู่รอบตัวรถ
แต่คุณผู้อ่านรู้ไหมครับว่าคราบดินสอพองดังกล่าวอาจทำร้ายสีของตัวถังรถได้

ขั้นแรก ควรใช้น้ำเปล่าล้างรถเสียก่อน 1 รอบ โดยใช้สายยางฉีดน้ำไปรอบๆเพื่อให้คราบดินสอพองอ่อนตัว
พร้อมกับใช้ฟองน้ำถูอย่างเบาๆ นอกจากนั้นยังควรล้างฟองน้ำเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้คราบสกปรกบนฟองน้ำ
ทำร้ายสีบนตัวถังรถนั่นเองจากนั้นจึงล้างด้วยแชมพูล้างรถ หรือ น้ำเปล่าซ้ำตามปกติ แล้วจึงเช็ดให้แห้ง

     ทางที่ดีควรล้างรถทันทีที่มีโอกาส ไม่ควรปล่อยคราบดินสอพองทิ้งไว้ นิเช่นนั้นอาจเกิดรอยด่างได้

ขั้นที่สอง หากคุณผู้อ่านใช้รถไปในการเล่นน้ำช่วงสงกรานต์ (เช่น รถกระบะที่บรรทุกถังน้ำและผู้โดยสารเพื่อเล่นน้ำ)
ภายในรถของคุณผู้อ่านอาจมีโอกาสเปียกชื้นสูง ทางที่ดีจึงควรไล่ความอับชื้นภายในรถ
เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรก อันเป็นต้นเหตุของกลิ่นอับภายในรถ

     วิธีการคือ หาที่จอดรถโล่งๆกลางแดด ถอดผ้ายางปูพื้นหรือพรมออกจากรถ แล้วเปิดประตูทิ้งไว้กลางแดดสัก 2-3 ชั่วโมง
เพื่อขจัดความชื้นในตัวรถออกไป
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

5 เทคนิคแก้อาการหลับในได้ผลชะงัด

หากใครที่ต้องขับรถอยู่เป็นประจำ คงทราบดีว่าอาการ 'หลับใน' ขณะขับรถนั้น มันช่างอันตรายเสียนี่กระไร
แถมทำอย่างไรก็ไม่หายง่วงซะด้วยสิ ยิ่งช่วงเทศกาลส่งกรานต์แบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งเสี่ยงต่ออุบัติเหตุมากขึ้น
เราไม่ชนเขา ก็อาจมีสิทธิ์ถูกเขาชนได้เช่นกัน

จึงขอแนะนำ 5 เทคนิคช่วยแก้อาการหลับในมาฝากกันครับ

     1. เคี้ยวหมากฝรั่ง

     หากใครรู้ตัวว่ามักมีอาการง่วงซึมขณะขับรถอยู่บ่อยๆ ลองพกหมากฝรั่งติดรถเอาไว้บ้าง การเคี้ยวหมากฝรั่งไปด้วย
จะช่วยยืดอาการง่วงซึมออกไปได้อีกพอสมควร เพราะอย่างน้อยก็มีอวัยวะบางส่วนที่ต้องขยับอยู่ตลอดเวลา

     2. สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้า

     อีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลเช่นกัน คือการติดสเปรย์น้ำแร่สำหรับฉีดหน้าเอาไว้ในรถ ทางที่ดีให้วางไว้ในที่ที่มีลมแอร์ผ่าน
จะช่วยให้น้ำแร่ในกระป๋องเย็นถึงใจ ทีนี่เมื่อจับเอามาพ่นใส่หน้าซักทีสองที ก็จะพอช่วยให้สะดุ้งจนหายง่วงได้เป็นปลิดทิ้ง

     3. ชวนคุยกับคนข้างๆ

     อาการหลับใน มักจะไม่เกิดขึ้นขณะคุยเล่น หรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้โดยสารที่นั่งมาด้วย ดังนั้น
หากรู้สึกว่ามีอาการง่วงซึมขณะขับรถ ลองชวนคนนั่งข้างๆคุยสัพเพเหระไปเรื่อยๆ จะช่วยป้องกันการหลับในได้เป็นอย่างดี

     หรือหากใครรับหน้าที่เป็นผู้โดยสารแล้วล่ะก็ ควรหมั่นลองสังเกตอาการของคนขับเป็นระยะๆ
ทางที่ดีคอยหาเรื่องชวนคุยอยู่เรื่อยๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้คนขับหลับในได้

     4. โทรศัพท์หาใครซักคน

     หากใครขับรถคนเดียวแล้วล่ะก็ ลองโทรหาเพื่อน, แฟน หรือ คุณพ่อคุณแม่ดู รับรองว่าได้ผลไม่แพ้กัน
(ทางที่ดีให้โทรหาแฟนเก่า อาจมีดราม่าแถมมาด้วย!) แต่อย่าลืมเรื่องความปลอดภัย ใส่สมอลทอล์ค, ต่อบลูทูธ
หรือใช้แฮนด์ฟรีด้วยล่ะ

     5. จอดปั๊มล้างหน้า/นอนงีบ

     ถ้าที่กล่าวมาทั้งหมดมันไม่สามารถช่วยให้คุณหายจากอาการหลับในได้แล้วจริงๆ เจอปั๊มน้ำมันข้างหน้าให้รีบแวะเลยครับ
หาที่จอดเหมาะๆ แล้วปรับเบาะลงนอนซะ ทางที่ดีตั้งนาฬิกาปลุกไว้ซัก 15-20 นาที หลังจากตื่นมาก็ลงไปล้างหน้าเสียหน่อย
รับรองขับได้อีกยาวๆ
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

สาเหตุประกันไม่รับผิดชอบ
     1.    ไม่ส่งเอกสารให้บริษัทประกันหลังติดตั้งแก๊ส
     2.    ไม่แจ้งขนส่งทางบก หลังจากได้ติดตั้งแก๊ส ถึงแม้ว่าคุณจะติดตั้งได้มาตรฐาน
     3.    ติดตั้งถังแก๊สไม่ได้รับมาตรฐานคุณภาพ มอก.


     ขั้นตอนการแจ้งประกันเมื่อติดตั้งแก๊สรถยนต์ LPG หรือ NGV
     1.    แจ้งผ่านตัวแทน นายหน้า หรือ แจ้งโดยตรงไปที่บริษัทประกัน
     2.    ส่งเอกสารรายการจดทะเบียน ที่ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงประเภทเชื้อเพลิงแล้วไปยังบริษัทประกัน
     3.    ใบเสร็จค่าติดตั้งชุดอุปกรณ์แก๊ส (ห้ามทิ้งเด็ดขาด)

     สำหรับผู้ที่ได้ติดตั้งแก๊สรถยนต์ จำเป็นต้องบำรุงรักษาประหนึ่งเหมือนชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์ทั่วไป
หากไม่ดูแลรักษาก็ย่อมเกิดปัญหาขึ้นตามมาได้ เช่น อุบัติเหตุรถไฟไหม้ เรามีวิธีการตรวจเช็กตามอายุ
การใช้งานที่ช่วยให้คุณเกิดความปลอดภัยไร้กังวลดังนี้

วิธีดูแลรักษาระบบรถติดแก๊สไม่ให้เกิดไฟไหม้

ตรวจเช็ก กล่อง ECU เปรียบได้ดั่งสมองที่สั่งการไปยังส่วนต่างๆ เพื่อควบคุมระบบการจ่ายเชื้อเพลิง
ควรตรวจเช็กระยะหลังจากติดตั้งแก๊สแล้วทุก 5,000 – 10,000 กิโลเมตร
ตรวจเช็ก หม้อต้มแก๊ส นับเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการสูบฉีดเชื้อเพลิงเข้าไปยังระบบหัวฉีดรถยนต์
ตรวจเช็ก หัวฉีดแก๊ส ทุก 3 ปี จากช่างผู้เชี่ยวชาญ
ตรวจเช็ก กรองแก๊ส ป้องกันฝุ่น ป้องกันสนิม ควรเปลี่ยนทุก 100,000 กิโลเมตร
ตรวจเช็ก ถังแก๊ส เมื่อครบ 10 ปี ควรเปลี่ยนถังแก๊สใหม่ หรือเมื่อเห็นถังเก่าชำรุด
ตรวจเช็ก วาล์ว เมื่อใช้รถไปได้ 40,000 กิโลเมตร ให้ช่างตั้งระยะวาล์วใหม่อีกครั้ง
ตรวจเช็ก สายยาง ที่เชื่อมต่อระบบถังแก๊ส สามารถตรวจเช็กง่ายๆเบื้องต้นด้วยการใช้ฟองสบู่หารอยรั่ว
     การติดตั้งแก๊สไม่ใช่เรื่องที่อันตรายหากแต่คุณต้องใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเท่านั้น และหลังจากการ
ใช้งานควรตรวจเช็กดูแลรักษาให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

รถติดแก๊ส! ไฟไหม้ทั้งคัน ประกันไม่จ่าย

อ่าว...! ทำไมไม่จ่าย...? ต้องเจอฟ้องศาล... บริษัทประกันต้องเจ๊งแน่ๆ…!

     ช้าก่อนครับคุณผู้อ่าน! ถ้าไม่อยากหน้าแตกจนหมอไม่รับเย็บกลับบ้าน เรามีสาเหตุว่าทำไมบริษัทประกัน
ถึงไม่ยอมคุ้มครองรถยนต์ที่เสียหายจากการติดตั้งแก๊สโดยผู้ทำประกันได้มองข้ามหรือรู้เท่าไม่ถึงการ

สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ย้อนกลับมาดูกรมธรรม์

     คุณทำประกันชั้น 1, 2, 2+,หรือไม่?

     ถ้าใช่...คุณสบายใจได้เลย บริษัทประกันจะชดใช้ให้คุณทุกกรณี ถึงแม้ว่าคุณติดตั้งแก๊สไปแล้ว
แต่ยังไม่ได้แจ้งบริษัทประกัน หรือยังไม่ได้แจ้งขนส่งทางบก ทางบริษัทประกันจะรับผิดชอบความเสียหาย
ตามวงเงินคุ้มครองที่ได้ทำกับบริษัทประกันไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก ข้อนี้ขอให้ระวังเล่ห์เหลี่ยม
บริษัทประกันหากคุณติดตั้งแก๊สแล้วไม่ยอมแจ้งบริษัทประกัน อาจเกิดข้อบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบได้
ฉะนั้นเมื่อคุณติดตั้งแก๊สแล้วควรแจ้งบริษัทประกันทันทีเพื่อปิดช่องโหว่ทางกฎหมายที่บริษัทประกันอาจไม่รับผิดชอบ


แต่...ถ้าคุณทำประกันชั้น 3,3+

     ตามกรมธรรม์แล้วประกันรถ ชั้น 3 และ ชั้น 3+ “ไม่คุ้มครองรถไฟไหม้” ไม่ว่ารถคุณจะติดแก๊สหรือไม่ก็ตาม
แต่ผู้ทำประกันจะได้รับความคุ้มครองตัวถังแก๊สและอุปกรณ์หากเป็นฝ่ายถูก เช่น หากคุณขับรถไปห้างสรรพสินค้า
แล้วเกิดมีคู่กรณีขับรถมาชนท้ายจนได้รับความเสียหายต่ออุปกรณ์และตัวถังแก๊ส
บริษัทประกันจะชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น เว้นแต่! คุณไม่ได้ทำตามระเบียบเบื้องต้นนี้
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

3. หลังจากเลิกใช้งานก่อนดับเครื่องยนต์ ควรปิดสวิตช์คอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ก่อน
เพื่อหยุดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ แต่ยังคงเปิดสวิตช์พัดลมแอร์ไว้ในตำแหน่งที่แรงสุดเพื่อ
ให้พัดลมแอร์เป่าลม ผ่านตัวคอยล์เย็น หรือตู้แอร์ จะมีสภาพเปียกชื้น และมีหยดน้ำมาเกาะอยู่ใน
ขณะที่คอมเพรสเซอร์ทำงาน และเพื่อเป็นการไล่ความชื้นออกจากตัวคอยล์เย็นให้เร็วขึ้น

     วิธีนี้ เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดความอับชื้น สาเหตุทำให้แอร์มีกลิ่นเหม็นอับ รวมทั้งยังช่วยยืดอายุ
การใช้งานของตัวคอยล์เย็นให้ผุกร่อนช้าลงกว่าเดิม ใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีเท่านั้น

   สำหรับปัญหาการเกิดกลิ่นอับที่ออกมาจากช่องปรับอากาศ สามารถแก้ไขได้โดยจอดรถในที่โล่งแจ้ง
แดดส่อง จากนั้น เปิดประตูรถให้หมดทุกบาน จอดรถตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
หรือจนกว่ากลิ่นอับจะจางหายไป

     แต่ถ้ากลิ่นอับยังคงรุนแรงเหมือนเดิม ควรนำรถเข้าเช็กที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ดูแลรักษาแอร์รถยนต์ให้ถูกต้อง

ย่างเข้าสู่หน้าร้อน เครื่องปรับอากาศหรือแอร์รถยนต์ถึงคราวต้องทำงานหนักอีกแล้ว
วิธีที่จะช่วยให้แอร์รถยนต์ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและใช้ งานได้นาน "มติชน" มีข้อแนะนำดังนี้

  1. ก่อนจะสตาร์ตเครื่องยนต์ทุกครั้ง ควรตรวจดูสวิตช์ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ว่าอยู่ในลักษณะใด
เปิดหรือปิด ถ้าหากเปิดอยู่ให้กดปิดเสียก่อนที่จะสตาร์ตเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์ต้านทานการหมุนของ
เครื่องยนต์ในขณะสตาร์ต



     2. หลังจากเครื่องยนต์ติดเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดสวิตช์พัดลมของเครื่องปรับอากาศก่อน
โดยปรับไปที่ตำแหน่งความเร็วสูงสุด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อไล่ลมร้อนจากช่องปรับอากาศ

     หลังจากนั้น จึงเปิดสวิตช์ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ปรับสวิตช์ที่ใช้ปรับระดับความเย็นไปที่ตำแหน่งเย็นสุด
แล้วจึงปรับสวิตช์ควบคุมความเร็วของพัดลมและสวิตช์ควบคุมระดับความเย็นลงสู่
ตำแหน่งที่สัมพันธ์กับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารตามต้องการ
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

กลับไปยังรายบอร์ด
Image Hosted by CompGamer Image Host Image Hosted by CompGamer Image Host