Dimorphos: Nasa บินยานอวกาศไปยังดาวเคราะห์น้อยในการโจมตีโดยตรง

wonder

Dimorphos: Nasa บินยานอวกาศไปยังดาวเคราะห์น้อยในการโจมตีโดยตรง
ยานสำรวจ Dart สล็อตออนไลน์ ของหน่วยงานอวกาศของอเมริกาได้ชนเข้ากับดาวเคราะห์น้อยและทำลายตัวเองในกระบวนการนี้
การชนกันครั้งนี้เกิดขึ้นโดยเจตนาและออกแบบมาเพื่อทดสอบว่าหินอวกาศที่อาจคุกคามโลกนั้นสามารถผลักออกไปได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
กล้องของ Dart ส่งคืนภาพต่อวินาที จนถึงช่วงเวลาที่กระทบกับเป้าหมาย นั่นคือวัตถุกว้าง 160 ม. ที่เรียกว่า Dimorphos
สิ่งที่เคยเป็นกระแสภาพคงที่ถูกตัดออกเมื่อโพรบหายไป
ตัวควบคุมซึ่งอยู่ที่ห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ประยุกต์ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกิ้นส์ (JHU-APL) ปะทุขึ้นด้วยความปิติยินดีเมื่อ Dimorphos เติมเต็มขอบเขตการมองเห็นของกล้องของ Dart ก่อนจากนั้นจะว่างเปล่า การคำนวณเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าผลกระทบอยู่ห่างจากศูนย์กลางของ Dimorphos เพียง 17 เมตร
ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าที่นักวิทยาศาสตร์ในภารกิจที่นำโดยนาซาจะทราบแน่ชัดว่าการทดลองของพวกเขาได้ผลหรือไม่ แต่ดร.ลอรี เกลซ ผู้อำนวยการด้านวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ที่หน่วยงานอวกาศ เชื่อว่ามีบางสิ่งที่น่าทึ่งสำเร็จแล้ว
“เรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของมนุษยชาติ ซึ่งเป็นยุคที่เราอาจมีความสามารถในการป้องกันตนเองจากบางสิ่ง เช่น การชนดาวเคราะห์น้อยที่เป็นอันตราย ช่างเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์ เราไม่เคยมีความสามารถนั้นมาก่อน” เธอกล่าว นักข่าว
และดร.เอเลนา อดัมส์ วิศวกรระบบภารกิจของ JHU-APL กล่าวว่า "ชาวโลกควรนอนหลับได้ดีขึ้น" โดยรู้ว่าพวกเขามีระบบป้องกันดาวเคราะห์
นักวิจัยจะกำหนดความสำเร็จหรืออย่างอื่นโดยศึกษาการเปลี่ยนแปลงของวงโคจรของ Dimorphos รอบดาวเคราะห์น้อยอีกดวงที่รู้จักกันในชื่อ Didymos
กล้องโทรทรรศน์บนโลกจะทำการวัดที่แม่นยำของระบบสองหินหรือระบบไบนารี
ก่อนเกิดการปะทะกัน Dimorphos ใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมง 55 นาทีในการวนรอบพันธมิตรที่มีความกว้าง 780 เมตร
สิ่งนี้ควรลดลงภายในไม่กี่นาทีหลังจากการชน
แน่นอน ตามหลักฐานของภาพที่กลับมาจากพื้นโลก 11 ล้านกม. ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนอย่างแน่นอน
หัววัด Dart ซึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสัมพัทธ์ 22,000 กม./ชม. ต้องแยกหินที่เล็กกว่าออกจากหินที่ใหญ่กว่าก่อน จากนั้นซอฟต์แวร์นำทางบนเครื่องบินก็ปรับวิถีการปิดด้วยการยิงแบบขับดันเพื่อให้แน่ใจว่ามีการปะทะกันแบบตัวต่อตัว
นักวิทยาศาสตร์รู้สึกทึ่งที่ได้เห็นรูปร่างที่แตกต่างกันของดาวเคราะห์น้อยทั้งสองในเวลาสั้นๆ
Didymos ตามที่คาดไว้มีรูปร่างเพชร มีก้อนหินอยู่บนพื้นผิว แต่ก็มีบางพื้นที่ราบเรียบ
Dr Carolyn Ernst นักวิทยาศาสตร์ด้านเครื่องมือระบบกล้องของ Dart รู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ได้เห็น Dimorphos
“มันดูน่ารัก มันคือพระจันทร์ดวงน้อยนี้ มันน่ารักมาก” เธอกล่าว

"มันดูคล้ายกับดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็กอื่นๆ ที่เราเคยเห็นมามากมาย และพวกมันก็ถูกปกคลุมด้วยก้อนหิน ดังนั้นเราจึงสงสัยว่ามันน่าจะเป็นกองเศษหินหรืออิฐที่รวมตัวกันอย่างหลวมๆ"
Dart เป็นตัวย่อสำหรับ Double Asteroid Redirection Test
ดร.แอนดี้ ริฟกิ้น หัวหน้าภารกิจของ JHU-APL ให้สัมภาษณ์กับ BBC News ว่า ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำ "ตรงตามที่พูดในกระป๋อง"
"เทคนิคนี้เรียกว่า 'เทคนิคจลนพลศาสตร์' สามารถนำมาใช้ได้หากมีดาวเคราะห์น้อยที่กำลังจะเข้ามาในอนาคต มันเป็นความคิดที่ง่ายมาก: คุณผลักยานอวกาศเข้าไปในวัตถุที่คุณกังวล และคุณใช้มวลและความเร็วของยานอวกาศของคุณเพื่อเปลี่ยนวงโคจรของวัตถุนั้นเล็กน้อยมากพอที่มันจะพลาดโลกแทนที่จะชนโลก”
Dimorphos และ Didymos ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี ทั้งสองไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่จะตัดกับโลกก่อนการสาธิต และการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในความสัมพันธ์ของวงโคจรของพวกเขาจะไม่เพิ่มความเสี่ยง
แต่มีก้อนหินที่อาจเป็นอันตรายต่อเรา
แม้ว่าการสำรวจบนท้องฟ้าจะระบุดาวเคราะห์น้อยมอนสเตอร์มากกว่า 95% ที่สามารถเริ่มต้นการสูญพันธุ์ทั่วโลกได้หากพวกมันชนกับโลก (พวกมันไม่ทำ เพราะคำนวณเส้นทางแล้วและจะไม่เข้าใกล้โลกของเรา) สิ่งนี้ยังคงทิ้ง วัตถุขนาดเล็กจำนวนมากที่ตรวจไม่พบซึ่งสร้างความเสียหายได้ เฉพาะในระดับภูมิภาคหรือระดับเมืองเท่านั้น