ฝนตกถนนลื่น ขับรถอย่างไรให้ปลอดภัย ที่นี่มีเคล็ดลับมาบอก

unyana

ในช่วงหน้าฝนเรามักจะเห็นอุบัติเหตุบนท้องถนนและได้ยินคำว่า ฝนตกทำให้ถนนลื่น อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะผ่านมาแล้วกี่ยุค ต่อให้มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ก็ยังคงมีอุบัติเหตุจากการ ขับรถตอนฝนตกหนัก ให้เห็นอยู่เรื่อยมา หลายท่านอาจสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น และทำไมในช่วงฝนตกรถยนต์ถึงลื่นไถลคนขับควบคุมรถยนต์ได้ยากกว่าปกติ นั่นก็เป็นเพราะว่าในช่วง ขับรถตอนฝนตกหนัก จะมีน้ำจะคั่นอยู่ระหว่างหน้ายางที่สัมผัสกับพื้นผิวถนน ทำให้ยางของรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วเกิดอาการลอยบนพื้นผิวน้ำแทนที่จะวิ่งอยู่บนพื้นผิวถนนเหมือนตอนที่ขับรถบนถนนแห้งนั่นเอง
        โดยปกติแล้ว ฝนตกถนนลื่น ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะในช่วงที่ฝนเพิ่งเริ่มลงเม็ด 5 - 10 นาทีแรกจะเป็นช่วงที่ถนนลื่นมากกว่าในช่วงฝนตกหนัก เพราะน้ำฝนที่เริ่มตกลงมานั้นจะไปผสมเข้ากับฝุ่นผงและดินที่ตกอยู่บนพื้นผิวถนน จากนั้นก็กลายเป็นน้ำโคลนที่มีความลื่นเคลือบลงไปบนพื้นผิวถนนจนเป็นปัจจัยหลักของอาการล้อรถลื่นไถล สุดท้ายการ ขับรถฝนตกหนัก หากไม่ระมัดระวังก็จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าตอนถนนแห้ง
        แม้หลังจากฝนตกหนักมาได้ประมาณ 10 นาทีจะมีสภาพผิวถนนที่ดีขึ้น เพราะฝุ่นผงหรือเศษดินต่าง ๆ ที่กลายเป็นโคลนนั้นจะถูกชะล้างออกไปแล้ว การ ขับรถฝนตกหนัก ก็ยังคงเป็นช่วงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าถนนแห้งอยู่ เพราะเมื่อน้ำเจิ่งนองมากจะเปลี่ยนจากโคลนมาเป็นการขับรถบนพื้นผิวน้ำแทน อันเป็นต้นเหตุทำให้รถเกิดอาการเหินน้ำ ดังนั้นถ้าหากต้องขับรถบนพื้นผิวถนนที่มีน้ำท่วมขังให้ใช้ความเร็วต่ำ พยายามหลีกเลี่ยงการเบรกแบบกะทันหันและไม่ควรหักล้อรถแบบรวดเร็ว เพราะนั่นจะทำให้รถลื่นไถลสูญเสียการควบคุมได้
        นอกจากจะต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถตอนฝนตกหนักแล้ว เพื่อให้การขับขี่มีความปลอดภัยมากขึ้น จำเป็นต้องมีการตรวจ เช็ครถยนต์ก่อนเดินทางไกล ร่วมด้วย ในช่วงฝนตกผิวถนนจะมีความลื่นมากกว่าปกติและอุปกรณ์ที่จะสัมผัสน้ำและผิวถนนโดยตรงก็คือยาง ดังนั้นแนะนำให้ตรวจเช็กยางรถยนต์ก่อนสิ่งอื่นใด เพราะถ้าหากยางรถยนต์ดอกโล้นจะทำให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนน้อยลง ทำให้รถเกิดการเสียหลักได้ง่าย

วิธี เช็ครถก่อนเดินทางไกล
        โดยการตรวจสภาพยางรถยนต์ว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ ทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
        1. ให้ใช้เล็บมือจิกลงไปที่ดอกยาง ถ้าสามารถจิกเข้าไปที่เนื้อยางหรือยังสัมผัสความอ่อนนุ่มของยางได้ ไม่ใช่แข็งจนจิกไม่เข้าเลย นั่นหมายความว่ายางยังอยู่ในสภาพใช้งานได้อยู่
        2. ให้ตรวจดูที่ดอกยางหน้ายางและร่องดอกยาง ว่ามีอาการแตกลายงาหรือไม่ และให้วัดที่ร่องดอกยางจะต้องลึกไม่น้อยกว่า 3-4 มิลลิเมตร จึงจะอยู่ในสภาพใช้งานได้ หากความลึกที่วัดได้น้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตร ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่
        3. การเติมลมยาง แนะนำให้เติมลมยางตามที่ระบุในคู่มือรถ ไม่ควรเติมลมอ่อนเกินไป เพราะจะทำให้รถเกิดอาการส่ายเมื่อถนนขรุขระ และเสี่ยงต่อการเสียการทรงตัวหรือลื่นไถลในขณะฝนตกได้

        ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยสำหรับตัวเองและเพื่อนร่วมทาง ผู้ขับขี่จะต้องร่วมกันเคารพและทำตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และสร้างวินัยการขับขี่รถยนต์ให้ครบอย่างรอบด้านด้วยการตรวจเช็กสภาพรถยนต์และ ยางรถยนต์ ของตัวเองในเบื้องต้นให้มีความพร้อมอยู่เสมอ หากพบเจอความผิดปกติ ให้นำรถเข้าปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบสภาพต่อไป

kakakanga

เคล็ดลับดีๆ ในลิ้งค์นี้ ดาวน์โหลด Pussy888 ดีจังครับผม