กฎหมาย pdpa ส่งผลต่อธุรกิจอย่างไร ต้องปรับตัวแค่ไหนจึงน่าเชื่อถือ

unyana

pdpa คือ กฎหมายที่มีความสำคัญ รวมถึงมีบทลงโทษที่รุนแรง ทุกองค์กรจึงต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัว ต้องทำอย่างไรเพื่อรับมือกับกฎหมายใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

        1.สิ่งแรกที่ควรเตรียมพร้อมคือการวางแผนจัดการและปกป้องข้อมูลอย่างรัดกุม อธิบายให้บุคคลที่เกี่ยวข้องในองค์กรเข้าใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลมีความซับซ้อนและอ่อนไหว การจัดเก็บและใช้ข้อมูลต้องถูกต้อง มีความรัดกุมและโปร่งใสที่สุด

        2.องค์กรธุรกิจต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนตั้งแต่ก่อนเก็บข้อมูลของบุคคลนั้น การจัดเก็บหรือใช้ประโยชน์โดยที่เจ้าของไม่ยินยอมพร้อมใจมีโทษร้ายแรงทั้งโทษปรับและจำคุก การละเมิดกฎหมาย pdpa มีทั้งโทษทางอาญาและปกครอง อาจถูกปรับสูงถึง 5 ล้านบาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี

        3.ชี้แจงนโยบายที่เข้าใจง่ายเพื่อให้เจ้าของข้อมูลตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลและให้ความมั่นใจกับลูกค้าและคู่ค้าในอนาคต โดยอธิบายถึงแผนการจัดเก็บข้อมูล ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยข้อมูลต่อผู้อื่น แจ้งระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลอย่างชัดเจนเพื่อไม่ให้เจ้าของข้อมูลกังวลในเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัว หรือความเสียหายที่เกิดจากการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์โดยที่เจ้าของไม่ยินยอม รวมถึงความมั่นใจในด้านการรักษาระบบจัดเก็บข้อมูลให้ปลอดภัยจากการถูกโจมตีระบบและทำให้เจ้าของข้อมูลได้รับความเสียหาย

        4.ชี้แจงรายละเอียดการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุตัวตนได้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
        - ข้อมูลทั่วไป เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ วันเกิด เพศ เบอร์โทรศัพท์ เลขบัตรประชาชน ที่อยู่อีเมล เลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรเครดิต เป็นต้น

        - ข้อมูลอ่อนไหว เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ข้อมูลสุขภาพ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อด้านศาสนา ปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ความพิการ ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ ข้อมูลสหภาพแรงงาน เป็นต้น

        5.เจ้าของข้อมูลมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลของตนเอง สามารถขอให้องค์กรยกเลิกการเปิดเผยข้อมูล แก้ไข และลบข้อมูลได้ หลักเกณฑ์การคุ้มครองกฎหมาย pdpa คือ ป้องกันไม่ให้มีการละเมิดผ่านการแชร์ในสื่อออนไลน์ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้เจ้าของข้อมูลเกิดความเสียหายหรือความสูญเสียใด ๆ

        ยังมีเวลาอีกหลายเดือนให้เตรียมพร้อมกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะมีผลบังคับใช้ องค์กรจำนวนมากที่ยังไม่เคยวิเคราะห์จัดเก็บหรือสร้างระบบป้องกันความปลอดภัยได้จ้างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยวางแผนปรับองค์กรเพื่อรับมือกับกฎหมาย pdpa อย่างไรในอนาคต การเตรียมพร้อมอย่างถูกต้องครบถ้วนและมีประสิทธิภาพคือวิธีดีที่สุดในการสร้างความน่าเชื่อถือให้องค์กรซึ่งเป็นหลักประกันความมั่นใจแก่เจ้าของข้อมูลที่ต้องการปกปิดข้อมูลบางอย่าง แม้ว่าองค์กรไม่ได้ละเมิดนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ประโยชน์เอง แต่มีโอกาสที่ข้อมูลหลุดรอดรั่วไหลถูกนำไปใช้ผิดกฎหมายหรือก่ออาชญากรรมทำให้เกิดความเดือดร้อนและเสียหายเชื่อมโยงมาถึงตัวเจ้าของข้อมูลได้ ดังนั้น กฎหมาย PDPA จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ทุกองค์กรไม่ควรเพิกเฉย และต้องดำเนินการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นความลับและรักษาปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ไม่ขัดต่อกฎหมายและส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ขององค์กรด้วย