Board logo

ชื่อกระทู้: ติดแก้ส ตัด ไม่ตัด ปั้มติ๊ก มีข้อมูลน่าสนใจมาให้อ่านครับ [สั่งพิมพ์]

ผู้โพสต์: baikancha    เวลา: 5/10/2010 16:55     ชื่อกระทู้: ติดแก้ส ตัด ไม่ตัด ปั้มติ๊ก มีข้อมูลน่าสนใจมาให้อ่านครับ

แก้ไขครั้งสุดท้าย: 5/10/2010 17:20 โดย baikancha

แก้ไขครั้งสุดท้าย: 5/10/2010 17:20 โดย baikancha

ต้องขอแจ้งก่อนนะครับ   คัดลอกมาจาก www.gasthai.com จากคุณ thusiri
อ่านได้จาก http://www.gasthai.com/boardgas/question.asp?id=A34352


  หลังจากที่อ่านมาหลายกระทู้เกี่ยวกับการตัด หรือไม่ตัด ปั้มติ๊ก ดี บ้างก็ว่ามีผลเสียอย่างโน้นอย่างนี้ ว่ากันไปต่างๆนาๆ บ้างก็จะเอารายได้กับการตัดปั้ม กันเลย ลองมาอ่านบทความนี้ดูนะครับ เผื่อจะเป็นข้อมูลในการตัดสินใจครับ
ข้อมูลจะเป็นของ TOYOTA ครับแต่หลักการหัวฉีด คงไม่ต่างกันมาก

1 เริ่มจากปั้มติ๊กครับ
ส่วนใหญ่ จะเป็นปั้มแบบ Turbine pump ชึ่งจะจุ่มอยู่ในถังน้ำมัน ที่ท่อทางออกจะมี วาวล์กันกลับ ครับ และก่อน วาวล์กันกลับจะมี ลิ้นระบายความดัน ชึ่งจะรักษาแรงดันอยู่ที่ประมาณ 2.5 บาร์ (Toyota 4A FE)



2 ตัวควบคุมความดัน (Pressure Regulator)
ตัวควบคุมความดัน เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมค่าความแตกต่างระหว่าง ความดันน้ำมันในกระบบ กับค่าความดันของอากาศในท่อร่วมไอดีให้คงที่ตลอดเวลาจากการที่ความดันของ อากาศในที่ร่วมไอดีมีการเปลี่ยนไปตามความเร็วรอบ และภาระของเครื่องยนต์ดังนั้นถ้าหากความดันของน้ำมันถูกควบคุมไห้คงที่เพียง ค่าเดียวจะทำให้ค่าความแตกต่างระหว่างความดันน้ำมันเชื้อเพลิง กับความดันอากาศในท่อร่วมไอดีมีค่าไม่คงที่แน่นอนซึ่งเป็นเหตุให้น้ำมัน เชื้อเพลิงฉีดเข้าไปผสมกับอากาศในท่อไกดีมีปริมาณไม่เที่ยงตรง ตามระยะเวลาในการฉีดที่กำหนดโดยECU



กราฟแสดงความสัมพันธ์ของความดันน้ำมันเชื้อเพลิง กับความดันอากาศ ในท่อไอดี ซึ่งจะรักษา ความดัน น้ำมันให้มีค่าความแตกต่างเท่ากันตลอดเวลา( Differential pressure)
ถ้าไม่เหยียบคันเร่ง ความดันในท่อไอดีจะต่ำ(เป็นสูญญากาศมาก) ความดันน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้ต่ำลง ถ้าเหยียบคันเร่ง ความดันในท่อไอดีจะสูง(เป็นสูญญากาศน้อย) ความดันน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้สูงขึ้น
ผู้โพสต์: baikancha    เวลา: 5/10/2010 16:55

แก้ไขครั้งสุดท้าย: 5/10/2010 17:22 โดย baikancha

สรุปคือ
ความดันในท่อน้ำมันจะถูกรักษาให้มีความดันสูงๆ ต่ำๆ ตามความดันในท่อไอดี ซึ่งก็คือการเหยียบคันเร่งนั่นเอง ถ้ารถวิ่งเร็วๆ ความดันน้ำมันก็จะสูง (ซึ่งจะไม่เกิน 2.55 bar) ถ้ารถวิ่งช้า หรือเครื่องเดินเบา ความดันของน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้ต่ำลง (น้อยกว่า 2 bar) ดังนั้น ขณะที่รถวิ่งด้วย GAS ถ้าไม่ตัดปั้มติ๊ก ตัวควบคุมความดัน(Pressure regulator) ก็จะยังทำงานอยู่เหมือนเดิม เพราะ เรายังเหยีบคันเร่งเหมือนเดิม และความดันในท่อไอดีก็ยังมีเหมือนเดิม น้ำมันจากปั้มถูกปั้มมา และจะถูกควบคุมให้สูงๆต่ำๆ เหมือนขณะที่ใช้น้ำมันทุกประการ ไม่ได้อยู่ที่ความดันสูงตลอดเวลาอย่างที่คิด น้ำมันก็จะไหลหมุนเวียนผ่าน ปั้มติ๊ก, ท่อ, รางหัวฉีดน้ำมัน และกลับถัง ถ้าตัดปั้มติ๊ก ปั้มจะหยุดทำงานแต่น้ำมันจะถูกกักไว้ด้วย วาวล์กันกลับที่ตัวปั้ม แต่ ตัวควบคุมความดันก็ยังทำหน้าที่ มันเหมือนเดิม คือเปิดให้น้ำมันไหลกลับถัง  ถ้าความดันในท่อไอดีเปลี่ยนไป ทำให้ความดันในรางหัวฉีดน้ำมันต่ำลง(เรื่อยๆ)เพราะปั้มถูกตัดไปแล้ว ถ้าวิ่งระยะทางไกลๆทำให้ความร้อนในห้องเครื่องสูงขึ้น รางหัวฉีดน้ำมัน ท่อน้ำมันในห้องเครื่อง(บางส่วน) มีความร้อนสูงขึ้น น้ำมันบางส่วนที่ค้างอยู่ในท่อ ก็จะถูกต้มให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น  เพราะน้ำมันหยุดไหลจากความดันที่ลดต่ำลง แต่จะไม่ทำให้ความดันสูงขึ้นได้ เพราะ ตัว ควบคุมความดันยังทำงานอยู่แต่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้คือความร้อนที่สะสมอยู่ กับรางหัวฉีด และท่อน้ำมันบางส่วน ซึ่งจะมีน้ำมันร้อนๆ ที่ค้างอยู่ข้างในนั่นเอง ซึ่งคงจะไม่ทำให้ท่ออ่อนแตกหรือแห้งกรอบได้ ดังนั้นไม่ว่าท่านใดจะตัดหรือไม่ตัดปั้มติ๊กก็ตาม คงไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ แต่ ถ้า ท่อน้ำมัน,สายอ่อนน้ำมันที่เสื่อมตามสภาพและอายุการใช้งาน และขาดการบำรุงรักษาที่ดี ขาการตรวจเช็ค(ด้วยตัวท่านเอง)อย่างสม่ำเสมอ นั่นแหละท่านกำลังทำให้เกิดความเสี่ยงแล้ว ท่านที่ตัดปั้มไปแล้วอย่างน้อยท่านก็ช่วยยืดอายุของปั้ม แต่อย่าตัดขาดครับ ต้องใช้งานบ้างครับ ถ้าไม่ใช้งานเลยก็เสียครับ ท่านที่ยังไม่ได้ตัดปั้ม อย่างน้อยท่านก็ยังไม่เสียเงินค่าแรงในการตัด ข้อมูลทั้งหมดนี้หวังว่าคงเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะครับ ส่วนตัวผมเองไม่ตัดครับ ให้มันทำงานของมันไป ไม่กลัวปั้มจะพังเร็ว เพราะเชื่อการ design ว่าทำมาให้มั่นใจแล้วแต่ผมกลัวสิ่งที่คาดเดาได้ยากจากสิ่งที่นอกหนือการ design อย่างน้อยขณะที่เราเปลี่ยนจาก แก๊สเป็นน้ำมัน จะได้ smooth ครับ



ข้อมูล จากหนังสือ เครื่องยนต์หัวฉีด EFI โดย ....นพดล เวชวิฐาน
ผู้โพสต์: vtecturbo    เวลา: 5/10/2010 19:48

ขอบคุณครับที่มาแชร์ความรู้ดีๆครับ
ผู้โพสต์: baiyok    เวลา: 5/10/2010 19:57

ขอบพระคุณมากครับ ได้ความรู้มากเลย แล้วจะพยามยามดูแลให้ใช้งานได้ดีๆต่อไปครับ
ผู้โพสต์: BEEB    เวลา: 12/4/2011 06:57

ข้อมูลดีๆแบบนี้ ... ขอบคุณมากครับ ...
ผู้โพสต์: b12_ry    เวลา: 4/5/2011 07:36

ขอบคุณครับ
ผู้โพสต์: crockcrodi    เวลา: 13/5/2011 19:15

การตัดปั้มติ๊กนั้นที่ช่างส่วนใหญ่ไม่ได้ตัดกันก็เพราะว่าจะมีอาการกระตุกและสตาร์ทติดยากตามมาครับ เพราะว่าระบบecuของแก๊สไม่ได้ออกแบบมาครับถ้าเราไม่ตัดปั้มติ๊กการเปลี่ยนเชื้อเพลิงระหว่างแก๊สกับน้ำมันจะราบรื่นไม่กระตุกส่วนข้อเสียมันก็มีครับถ้าขณะขับขี่ในโหมดแก๊สแล้วปั้มติ๊กยังทำงานอยู่ถึงแม้ว่าจจะมีระบบระบายแรงดันและควบคุมแรงดันเกินถ้าเกิดสายน้ำมันแตกขึ้นมาในห้องเครื่องยนต์แล้วฟุ้งกระจายถ้าไม่มีประกายไฟก็ไม่เป็นไรครับแต่ถ้าเกิดมีประกายไฟมันก็ยุ่ง ถ้าเราใช้โหมดน้ำมันเมื่อท่อแตกเราก็จะรู้ครับเครื่องจะสั่นและดับเองหลังจากเครื่องยนต์ดับecuเครื่องยนต์ก็จะตัดการทำงานของปั้มติ๊ก แต่ถ้าเราอยู่ในโหมดแก๊สเครื่องมันไม่ดับนะครับท่อน้ำมันแตกเราก็ไม่รู้เรื่องครับนอกจากจะได้กลิ่นของน้ำมันเข้ามาห้องโดยสารครับ
ผู้โพสต์: draft2512    เวลา: 18/5/2011 14:21

ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ผู้โพสต์: jeab555    เวลา: 29/5/2011 12:09

ข้อมูลนี้เยี่ยมมาก,เคยมีร้านแก๊สอธิบายเหมือนกัน  ขอบคุณครับ
ผู้โพสต์: city116    เวลา: 15/6/2011 21:55

การตัดปั้มติ๊กนั้นที่ช่างส่วนใหญ่ไม่ได้ตัดกันก็เพร ...
crockcrodi โพสต์เมื่อ 13/5/2011 19:39



เห็นด้วยกับความคิดนี้ครับ
ถ้าไม่ตัด ก็อย่าให้น้ำมันในถังเหลืออยูุ่น้อนจนเกินไปนานๆนะครับ เพราะคิดว่าปั้มติ๊กจะร้อน เพราะขณะที่มันดูดน้ำมันเข้าไป แต่น้ำมันที่มีอยู่น้อยอาจทำให้ไม่มีน้ำมันช่วยหล่อลื่นปั้มติ๊ก ทำให้ปั้มพังไวขึ้น คิดว่าพอไฟเตือนน้ำมันโชว์ก็ควรรีบเติมโดยเร็ว จะดี
ถ้าไม่ตัด น้ำมันก็อาจจะหายหรือรั่วที่หัวฉีด เข้าไปในเครื่องยนต์ได้ (ผมโดนมาแล้ว) จึงไปตัดปั้มติ๊ก ปัญหานี้ก็จบ (เป็นตอนที่ติดระบบดูดนะครับ ตัดแต่หัวฉีด น้ำมันก็ยังหายไปกับการใช้งาน พอไปตัดปั้มติ๊กแล้วน้ำมันก็ไม่หาย ต่อมาอับเป็นหัวฉีด ที่ตัดแล้วก็แล้วกัน ตอนแก็สหมดตัดเข้าน้ำมันก็ไม่มีปัญหาอะไร สตาร์ยากหน่อยก็ไม่ใช่ยากจนหน้าตกใจ ตอนปั้มติกผมเสียช่วงปีใหม่ ตอนอากาศเย็นจัดผมสตาร์ด้วยแก็ส ก็ไม่ได้สตาร์ยากจนเกินไป แต่เราต้องวอมเครื่องให้ร้อนก่อนขับรถออกไปเพื่อให้มั้นใจว่าหม้อต้มจะไม่เป็นน้ำแข็งก่อให้หม้อต้มเสีย ก็ถือว่า honda city รุ่นของเราไม่จุกจิกเลยแม้แต่น้อยครับ
ผู้โพสต์: PRAPHON    เวลา: 26/11/2011 12:39

ได้อ่าน    คือการเพิ่มความรู้ ให้กับสมอง.....    ขอบคุณมากครับ
ผู้โพสต์: scs2519    เวลา: 15/1/2012 18:26

แจ่มครับ ได้ความรู้
ผู้โพสต์: yaya17    เวลา: 11/6/2013 09:58

ข้อมูลดีมากค่ะ สำหรับ ผญ ควรรู้เรื่องพวกนี้ไว้บ้าง
ผู้โพสต์: Ohooo    เวลา: 9/9/2013 22:51

เข้ามาหาความรู้ค่ะ
ผู้โพสต์: streetboy    เวลา: 3/2/2014 12:05

ขอบคุณมากครับ ผมว่าจะไปติดแก๊สของ versus ยังไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้
อ่านบทความนี้แล้วทำให้ get มากขึ้นครับ
ผู้โพสต์: triplemint    เวลา: 9/2/2014 19:15

ขอบคุณมากค่ะ เพิ่งติดแก๊สของเวอซุสไปเมื่อไม่นาน ก่อนติดกังวลเรื่องความปลอดภัยมาก
แต่ช่างแนะนำดีและบวกกับได้อ่านกระทู้นี้ก็ทำให้มั่นใจขึ้นมาหน่อย
ผู้โพสต์: dr.versus.seo    เวลา: 28/5/2014 14:14

ข้อมูลดี ๆ อีกแล้ว
ผู้โพสต์: dr.versus.seo    เวลา: 29/5/2014 10:21

มารับความรู้ความ เรื่องติดตั้งแก๊สรายละเอียดเยอะ ส่วนผมขอเก็บความรู้ดี ๆ นะครับ ดัน ๆ ๆๆๆๆ




ยินดีต้อนรับสู่ HondaCityClub (http://hondacityclub.com/board/) Powered by Discuz! 7.2