ชื่อกระทู้:
เกร็ดความรู้เรื่องการฉีด วัคซีน หัดเยอรมัน และวัคซีน อีสุกอีใส เพื่อป้องกันโรค
[สั่งพิมพ์]
ผู้โพสต์:
unyana
เวลา:
19/6/2021 13:21
ชื่อกระทู้:
เกร็ดความรู้เรื่องการฉีด วัคซีน หัดเยอรมัน และวัคซีน อีสุกอีใส เพื่อป้องกันโรค
เกร็ดความรู้เรื่องการฉีด วัคซีน หัดเยอรมัน และวัคซีน อีสุกอีใส เพื่อป้องกันโรค
วัยเด็กร่างกายอ่อนแอและมีภูมิคุ้มกันต่ำ การฉีด
วัคซีน เด็ก
เพื่อกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันโรคติดต่อต่าง ๆ รวมทั้ง
วัคซีน หัดเยอรมัน
และ
วัคซีน อีสุกอีใส
จึงต้องให้ความสำคัญกับช่วงเวลาที่เหมาะสมกับวัคซีนแต่ละชนิดอีกด้วย
โรคหัดเยอรมันเกิดจากเชื้อไวรัสรูเบลล่า (Rubella) ป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน MMR ซึ่งเป็นวัคซีนรวม 3 โรค ป้องกันได้ทั้งโรคหัด หัดเยอรมัน และคางทูม การระบาดของโรคหัดเยอรมันเกิดขึ้นบ่อยช่วงอากาศหนาวเย็นระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน มักพบการระบาดในสถานเลี้ยงเด็กและโรงเรียน ติดเชื้อทางน้ำมูก น้ำลายผ่านการไอ จามและการสัมผัสกับเชื้อโรคโดยตรง โรง พยาบาล แถว พระราม 4 จะฉีดวัคซีนรวมให้ตั้งแต่เด็กเริ่มตั้งแต่อายุยังไม่ครบปี เป็นการป้องกันไว้ดีกว่าแก้
โดยปกติหัดเยอรมันเป็นโรคติดต่อได้ง่ายจากสารคัดหลั่งทางเดินหายใจของผู้ที่มีเชื้อจามและไอออกมา เมื่อร่างกายติดเชื้อแล้วอาจไม่แสดงอาการทันที แต่ใช้เวลา 14-21 วันจึงเริ่มเป็นไข้ มีผื่น เชื้อโรคอยู่ในร่างกายนานถึง 1 ปีก่อนที่จะแสดงอาการ หากสตรีมีครรภ์ไม่เคยได้รับ วัคซีน หัดเยอรมัน มาก่อนมีโอกาสเสี่ยงที่เด็กในครรภ์จะพิการแต่กำเนิด หูหนวก ตาเป็นต้อกระจก สมองฝ่อ โรคหัวใจ หรือเสียชีวิตได้
วัคซีนป้องกันหัด หัดเยอรมันและคางทูม (MMR)
- เข็มที่ 1 ฉีดช่วงอายุ 9-12 เดือน
- เข็มที่ 2 ฉีดช่วงอายุ 2-4 ปี
โรคหัดเยอรมันป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน งดเว้นผู้ที่เคยมีอาการแพ้รุนแรงจากการฉีดวัคซีนครั้งแรก ซึ่งพบได้น้อยมากแต่ก็อาจเกิดขึ้นได้ มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นมะเร็ง กินยาหรือใช้สเตียรอยด์ที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน
สำหรับโรคอีสุกสีใสคือโรคติดต่อทางผิวหนังซึ่งเกิดจากเชื้้อไวรัสวาริเซลลา (Vericella Zoster) ซึ่งเป็นเชื้อเดียวกับโรคงูสวัด พบการแพร่ระบาดมากในช่วงอากาศเย็นตั้งแต่เดือนตุลาคมไปจนถึงช่วงต้นปี โรคติดต่อผ่านการสัมผัสโดยตรงกับตุ่มน้ำบนผิวหนังหรือสูดเอาน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยเข้าไป สมัยก่อนเด็ก ๆ เป็นกันแทบทุกคน มีอาการเป็นไข้ เกิดตุ่มใสตามร่างกายเมื่อแห้งและหายแล้วจะกลายเป็นจุดด่างดำและรอยแผลเป็น แม้จะดูเหมือนไม่ร้ายแรงแต่ความจริงแล้วมีโอกาสเกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรง เช่น สมองอักเสบ ปอดอักเสบ หรือร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต เมื่อเป็นแล้วจึงต้องหยุดเรียนหรือหยุดงานเพื่อไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น
โดยทั่วไปหลังจากป่วยเป็นโรคอีสุกอีใสแล้วจะเกิดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ แต่ทุกวันนี้เราหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วยได้ โดย โรง พยาบาล แถว พระราม 4 แนะนำว่าโรคอีสุกอีใสป้องกันได้ด้วยการฉีด วัคซีน อีสุกอีใส
วัคซีนอีสุกอีใส
- เข็มที่ 1 ฉีดช่วงอายุ 12-15 เดือน
- เข็มที่ 2 ฉีดช่วงอายุ 2-4 ปี
การรับวัคซีนป้องกันอีสุกอีใส เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป โดยปกติแล้วจะแนะนำให้ฉีด ส่วนเข็มที่ 2 ฉีดช่วงอายุ 2-4 ปี หากมีการระบาดเกิดขึ้นอาจฉีดเข็มที่ 2 ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ทันทีโดยจะต้องมีระยะห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน ในโปรแกรมการ ตรวจ สุขภาพ ทางโรงพยาบาลจะเจาะเลือดตรวจหาแอนติบอดีเพื่อวินิจฉัยโรคอีสุกอีใสได้ และพิจารณาฉีดวัคซีนให้
ที่มาข้อมูล
https://www.bumrungrad.com/th/he ... mps-measles-rubella
https://www.bumrungrad.com/th/he ... accine-for-children
https://www.nonthavej.co.th/Chicken-pox.php
ยินดีต้อนรับสู่ HondaCityClub (http://hondacityclub.com/board/)
Powered by Discuz! 7.2