ชื่อกระทู้:
เทียบกันชัดๆ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ อัตราเก่า กับ ใหม่ ดีเดย์ 1 มค 59
[สั่งพิมพ์]
ผู้โพสต์:
asnbroker2
เวลา:
29/7/2015 15:31
ชื่อกระทู้:
เทียบกันชัดๆ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ อัตราเก่า กับ ใหม่ ดีเดย์ 1 มค 59
เทียบกันชัดๆ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ อัตราเก่า กับ ใหม่ ดีเดย์ 1 มค 59
เรื่อง: นิตยสารฟอร์มูลา
ในปี 2559 จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการยานยนต์ไทย นั่นคือ การเริ่มใช้อัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ซึ่งจะคิดตามอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
แทนการคิดตามความจุกระบอกสูบแบบเดิม โดยมีหลักการว่า รถที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อย จะเสียภาษีต่ำกว่ารถที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มาก
สอดคล้องกับการบังคับใช้ระบบป้ายข้อมูลรถยนต์ "ECO STICKER" ซึ่งแสดงข้อมูลอัตราสิ้นเปลือง และระดับการปล่อยไอเสีย
ส่วนรายละเอียดอัตราภาษีรถแต่ละประเภท เมื่อเทียบกับการคิดแบบเก่าจะแตกต่างกันอย่างไร ตามASN Broker ไปดูกันได้เลย!
ที่มา: นิตยสารฟอร์มูลา, กระทรวงการคลัง
"อีโคคาร์ เฟส 2" ภาษีถูกลง
โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ สนับสนุนรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรือ อีโคคาร์ เฟส 2 อย่างชัดเจน เพราะเป็นรถที่ประหยัดน้ำมัน ประหยัดค่าใช้จ่าย
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นรถที่เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนไทย โดยรถยนต์โครงการ อีโคคาร์ เฟส 2 ที่ปล่อยไอเสียต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร
จะเสียภาษีเพียง 14 % เท่านั้น แต่ถ้าเกิน จะเสีย 17 % เท่ากับ อีโคคาร์ เฟส 1
ภาพตัวอย่าง อีโคคาร์
เก๋ง/เอสยูวี ไม่เกิน 2,000 ซีซี ภาษีขึ้น 3-10 %
รถยนต์นั่งในพิกัดนี้ ถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในตลาด มีตั้งแต่ รถยนต์ระดับซับคอมแพคท์ จนถึงรถยนต์ระดับพรีเมียมหลายรุ่น ที่หันมาใช้เครื่องยนต์ความจุน้อยลง รวมทั้งเอสยูวีบางรุ่นด้วย
ในอัตราภาษีเดิม รถยนต์ซับคอมแพคท์ ที่รองรับน้ำมัน E20 เช่น โตโยตา วีออส, เชฟโรเลต์ โซนิค, ฟอร์ด ฟิเอสตา จะเสีย 25 % แต่อัตราใหม่ รถเหล่านี้ถ้าปล่อย CO2 ไม่เกิน 150
กรัมต่อกิโลเมตร จะต้องเสียภาษีเพิ่มเป็น 30 % ส่วนรถบางรุ่นที่รองรับน้ำมัน E85 เช่น ฮอนด้า แจ๊ซ จะเสีย 25% เท่าเดิม
รถยนต์คอมแพคท์ ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 1,780-2,000 ซีซี และรองรับน้ำมัน E85 เช่น โตโยตา อัลทิส (เฉพาะเครื่อง 1,800 ซีซี), ฮอนดา ซีวิค, เชฟโรเลต์ ครูซ (เฉพาะเครื่อง 1,800 ซีซี),
มาซดา 3 อัตราเดิมเสีย 22 % ส่วนอัตราใหม่ รุ่นที่ปล่อย CO2 ไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียเพิ่มเป็น 25 % ส่วนรุ่นที่ปล่อยในพิกัด 151-200 กรัมต่อกิโลเมตร เสียเพิ่มเป็น 30 %
ส่วนรถที่รองรับน้ำมัน E20 จากเดิมเสีย 25 % ก็จะต้องเพิ่มเป็น 30 % หรือ 35 % ตามปริมาณการปล่อยไอเสีย
รถยนต์นั่งขนาดกลางและเอสยูวีหลายรุ่น ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เช่น โตโยตา แคมรี, ฮอนดา แอคคอร์ด, ฮอนดา ซีอาร์วี, นิสสัน เทอานา, มาซดา ซีเอกซ์-5 ฯลฯ
มีทั้งรุ่นที่รองรับน้ำมัน E20 และ E85 ซึ่งถูกคิดภาษีอยู่ที่ 25 % และ 22 % ตามลำดับ รถระดับนี้ ส่วนใหญ่ยังคงปล่อยไอเสียในพิกัด 151-200 กรัมต่อกิโลเมตรอยู่ ดังนั้น
จะเสียภาษี 35 % หรือ 30 % ขึ้นกับน้ำมันที่รองรับ
นอกจากนี้ รถยนต์ระดับพรีเมียม ตั้งแต่ขนาดซับคอมแพคท์ จนถึงขนาดกลางหลายรุ่น ก็จะถูกคิดภาษีเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณการปล่อยไอเสีย
ภาพตัวอย่าง รถยนต์นั่ง เครื่องยนต์ไม่เกิน 2,000 ซีซี
เก๋ง/เอสยูวี 2,001-2,500 ซีซี ภาษีแพงขึ้น
ในพิกัดนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์นั่งและเอสยูวีขนาดกลาง รวมถึงรถยนต์ระดับพรีเมียมบางรุ่น ซึ่งเดิมเสียภาษี 30 % และ 27 % ขึ้นอยู่กับว่ารองรับน้ำมัน E20 หรือ E85
ซึ่งเท่าที่สำรวจรถในตลาด พบว่า รถที่ใช้เครื่องยนต์ระดับนี้ จะปล่อยไอเสีย 151-200 กรัมต่อกิโลเมตร ดังนั้นจะถูกเพิ่มภาษีเป็น 35 % สำหรับรถที่รองรับน้ำมัน E20 และ 30 %
สำหรับบางรุ่นที่รองรับน้ำมัน E85
ภาพตัวอย่าง รถยนต์นั่ง เครื่องยนต์ 2,000-2,500 ซีซี
สรุป ภาษีใหม่ = มาตรฐานใหม่
อัตราภาษีใหม่นี้ คาดว่าจะทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ในตลาด มีราคาสูงขึ้น เพราะต้นทุนค่าภาษีจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-10 %
อย่างไรก็ตาม ASN Broker คิดว่าภาษีใหม่นี้ จะสร้าง “มาตรฐานใหม่” ให้แก่วงการยานยนต์ไทย โดยจะกระตุ้นให้ผู้ผลิต พัฒนา และสร้างสรรค์รถยนต์ที่ประหยัดพลังงาน และปล่อยไอเสียต่ำ
เพื่อให้อยู่ในพิกัดภาษีที่เหมาะสม ดังนั้น ในระยะยาว คนไทยจะได้ใช้รถยนต์ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างแน่นอน
ที่มา
http://www.asnbroker.co.th/news.php?id=712
ยินดีต้อนรับสู่ HondaCityClub (http://hondacityclub.com/board/)
Powered by Discuz! 7.2