Board logo

ชื่อกระทู้: วันนี้เอาเรื่อง การเคลือบแก้ว มาฝากเพื่อนๆ City ครับ ^^ [สั่งพิมพ์]

ผู้โพสต์: lacoste    เวลา: 24/4/2015 01:42     ชื่อกระทู้: วันนี้เอาเรื่อง การเคลือบแก้ว มาฝากเพื่อนๆ City ครับ ^^

แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24/4/2015 02:18 โดย lacoste

เคลือบแก้ว คืออะไร? เคลือบแก้ว ดีไหม?

เคลือบแก้ว (Glass Coating) เรามาทำความรู้จักกับคำนี้กันก่อนครับ โดยเฉพาะคนที่ออกรถมาใหม่ แน่นอนคุณจะต้องศึกษา และค้นหาข้อมูลการ เคลือบแก้ว มาว่าคุณจะนำรถไปเคลือบมันดีไหม? ส่วนรถใครที่มีอายุการใช้งานแล้วอยากจะเคลือบแก้วบ้าง จะทำได้ไหม?

[attach]67235[/attach]

น้ำยา เคลือบแก้ว (Glass Coating) จะมีระดับความหนาของชั้นเคลือบที่แตกต่างกัน มีตั้งแต่ระดับ 1-9 H ส่วนมากการเคลือบแก้วก็พัฒนามาจากสาร Silica ครับ ระยะเวลาความคงทนก็ขึ้นอยู่กับความหนาของชั้นเคลือบแก้ว และก็สูตรน้ำยาของแต่ละยี่ห้อนั้นและครับ อีกอย่างก็คือราคาก็จะแตกต่างกันไปแต่ละระดับของความหนานะครับ บางครั้งร้านที่คุณไปใช้บริการเครมว่าของเขาหนาถึงระดับ 9H เวลาเคลือบเสร็จคุณก็ให้ร้านใช้เครื่องมือวัดความหนาของชั้นผิวสีรถให้ดูทั้งก่อนทำและหลังทำได้เลยครับ

มาดูประโยชน์ และข้อดีของการ เคลือบแก้ว กันบ้าง

- แน่นอนทำให้รถคุณเงางามอยู่ตลอดเวลา จะว่าใสเหมือนกระจกเลยก็ดูจะเวอร์ไม่ถึงขนาดนั้นครับ บางครั้งความหนาของชั้นเคลือบแก้วก็ทำให้การตกกระทบของแสงน้อยไปหรือเพี้ยนไปทำให้รถดูไม่ค่อยเงาเหมือนตอนที่ลงเคลือบใหม่ๆ

- ปกป้องสีรถคุณจากแสงแดดได้ดี เพราะชั้นของการเคลือบหนาขนาดนั้นครับ แดดย่อมเลียผิวสีของรถคุณไม่ถึงอยู่แล้ว รถคุณก็จะยืดระยะเวลาของการเสื่อมสภาพของสีรถไปอีก สีก็จะไม่ค่อยหมองเร็วนั้นแหละครับ

- เช็ดฝุ่น เช็ดคราบสกปรก คราบไคลน้ำ ออกง่าย ถ้าเคลือบแก้วแล้วคราบต่างๆพวกนี้จะไม่เข้าไปฝังแน่นในชั้นของแล็คเกอร์รถ ทำให้หลุดออกง่ายเวลาทำความสะอาด แต่ไม่ใช่เห็นว่ารถตัวเองเคลือบแก้วมาแล้วปล่อยไว้ก่อนแล้วค่อยล้างทำความสะอาด ไม่ใช่นะครับ คราบสามารถฝังเข้าไปได้เหมือนกัน แต่มันใช้เวลาและยากหน่อยเท่านั้นเอง เพราะน้ำยาเคลือบแก้วไม่ได้แข็งเหมือนแก้วเหมือนกระจกนะครับ เขาพัฒนาให้มีความยืดหยุ่นของน้ำยาเคลือบด้วย ไม่อย่างนั้นเคลือบไปบนรถก็แตกครับ

- ป้องกันการเกิดรอยขนแมว รอยขีดข่วน ได้มากกว่าปกติ บางคนเข้าใจผิดว่าไปเคลือบมาแล้ว รถต้องไม่เป็นรอยเวลาโดนเฉี่ยว โดนสะเก็ดหิน หรือกิ่งไม้เกี่ยว มีโอกาสเป็นรอยได้ครับ แต่ยากกว่าปกติมากหน่อยเท่านั้นเองครับ ทางผู้ให้บริการถึงต้องมีเซอร์วิส 2 เดือน  6 เดือน แล้วแต่ให้เข้าไปเช็คสภาพทีนึงไงครับ

มีต่อครับ
ผู้โพสต์: lacoste    เวลา: 24/4/2015 01:43

แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24/4/2015 02:11 โดย lacoste

ทีนี้มาดูคำถามยอดฮิตเลยสำหรับการเคลือบแก้วบ้าง

1. เคลือบแก้ว ราคาแพงไหม?
- แพงกว่าเคลือบปกติครับ ราคาก็ขึ้นอยู่กับความหนาของชั้นเคลือบด้วย

2. เคลือบแก้ว อยู่ได้นานไหม?
- ความนานขึ้นอยู่กับการพัฒนาของน้ำยาเคลือบแก้วยี่ห้อนั้นๆครับ ลองศึกษาดูครับศูนย์บริการในบ้านเราเยอะ ถูกใจร้านไหนลองเข้าไปถามข้อมูลของตัวน้ำยาเคลือบแก้วเลยครับ

3. เคลือบแก้ว มาแล้วต้องใช้น้ำเปล่าล้างอย่างเดียวหรอ?
- ถ้าร้านไหนเคลือบแก้วให้คุณ แล้วบอกให้คุณใช้น้ำเปล่าล้างอย่างเดียวก็อย่าเคลือบเลยครับลำบากเกิน เสียเงินแล้วต้องดูแลง่ายๆครับ ถ้าเกิดคราบฝังแน่นหน่อยโดยที่น้ำเปล่าเอาไม่ออกคุณจะทำยังไงละครับ ก็ต้องเสียเวลาไปให้ร้านนั้นๆเอาออกหรอครับ สามารถใช้แชมพูล้างรถล้างได้ครับ ถ้าไม่มั้นใจก็ใช้ยี่ห้อดีๆพวกนี้จะไม่กัดสีรถครับ

4. เคลือบแก้ว มาแล้วสามารถลงแว็กซ์เคลือบสีรถอีกได้ไหม?
- ได้ครับ แต่ต้องดูว่าแว็กซ์เคลือบสีรถนั้นต้องไม่มีผงขัดนะครับ ไม่อย่างนั้นที่เคลือบแก้วมาหลุดออกแน่นอนครับ ถ้าไม่แน่ใจก็ไม่ต้องลงแว็กซ์เคลือบสีรถครับ ให้รอระยะเวลาเซอร์วิสจากทางร้านเอา

5. จะดูยังไงว่าร้านที่บริการ เคลือบแก้ว นั้นดีจริง
- เข้าไปคุยขอรายละเอียดกับร้านที่คุณสนใจเลยครับ คุยขั้นตอนก่อนการเคลือบแก้ว ว่าทางร้านมีขั้นตอนการเตรียมผิวรถยังไงบ้าง อันนี้สำคัญนะครับ ถ้าเตรียมผิวไม่ดี สถานที่ไม่พร้อม อย่าไปเสี่ยงเคลือบครับ ไม่ดีกับรถคุณแน่นอน

6. เคลือบแก้ว กับ แว็กซ์เคลือบสีรถ เคลือบอะไรดีกว่ากัน
- ใครมีกำลังทรัพย์หน่อยเคลือบไว้ไม่เสียหายแต่ก็ให้เลือกเคลือบแก้วเกรดดีๆหนาๆหน่อยครับ จะได้ดูแลรักษาง่าย และจะได้คงทน ส่วนใครที่ชอบดูแลรักษารถเป็นประจำ เช็ดนู้น ขัดนี่ ชอบน้ำยาเคลือบสีรถ ตัวนั้น ตัวนี้ แน่นอนถ้าหมั่นดูแล ที่สำคัญเลือกน้ำยาเคลือบสีรถที่มีคุณภาพ เน้นที่มีคุณภาพนะครับ รถคุณจะเงาเหมือนเคลือบแก้ว หรืออาจจะเงากว่าแน่นอน หรือใครจะทำทั้งสองอย่างคู่กันไปก็ไม่ว่ากันนะครับ

7. รถเก่าทำ เคลือบแก้ว ได้ไหม?
- ทำได้ครับ ทางร้านที่ให้บริการเคลือบแก้วพวกนี้จะมีวิธีปรับสภาพผิวสีรถของคุณก่อน รวมถึงรอยขีดข่วน รอยขนแมวก็จะขัดออกก่อนครับ ส่วนรอยไหนที่ลึกเกินก็ต้องทำใจครับ

สุดท้ายนี้เดี๋ยวบทความสำหรับ เคลือบแก้ว สรุปก็คือแล้วแต่ความชอบ แล้วแต่กำลังทรัพย์ และความขยันในการดูแลรักษารถ จะเคลือบอะไรก็ดีหมด ดีกว่าไม่ได้เคลือบป้องกันไว้เลยครับ หาข้อสรุปให้ตัวเองและศึกษาข้อมูลดีๆก็คงเจอคำตอบให้ตัวคุณเองแล้วว่าจะ เคลือบสีรถ แบบไหน บางทีคุณอาจจะรู้อยู่แล้วก็เป็นได้ครับ ^^
ผู้โพสต์: lacoste    เวลา: 24/4/2015 01:55

จบแล้ว ยาวไปนิดนึง แต่หวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนสมาชิกนะครับ
ผู้โพสต์: moty007    เวลา: 24/4/2015 09:23


ผู้โพสต์: decimalpk    เวลา: 27/6/2015 09:13

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ผู้โพสต์: jessy    เวลา: 10/12/2015 08:30

ขออนุญาติเสริมครับ
คำว่า 9H มันคือความแข็งของน้ำยาครับไม่ใช่ความหนา
ความหนาหน่วยเรียกว่าไมครอน ปัจจุบันเกรดเซรามิคพัฒนา
ได้ถึง 30 ไมครอนแข็งอยู่ที่ 9H แล้วครับเกือบจะเท่าเพชรเลย
ผู้โพสต์: jessy    เวลา: 10/12/2015 08:40

อีกเรื่องนึงครับในข้อ 5 จะดูยังไงว่าร้านนั้นทำดีหรือไม่ดี
ตอบยากครับ ถ้าแค่คุยอย่างเดียวคงไม่พอ คนขายก็ต้องเชียร์
ว่าสินค้าของตัวเองดี เคลือบแก้วดีไม่ดีมันวัดกันที่ระยะเวลาครับ
ของใครทนนานกว่ากัน ใสนานกว่ากัน ไล่น้ำนานกว่ากัน
และที่สำคัญต้องดูที่บริการหลังการขายด้วยครับว่า เมื่อกลับเข้ามา
เซอร์วิสเขาทำอะไรให้บ้าง นี่คือหัวใจหลักเลยครับ บางร้านที่หรูหรา
ซึ่งเรียกความเชื่อมั่นให้ลูกค้าได้ แต่กลับไม่สามารถซัพพอร์ทในเรื่อง
บริการหลังการขายได้ ปฏิเสธว่าคิวเต็มอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ถ้ามีรถใหม่
เข้ามาทำรีบรับเลยครับคิวว่างขึ้นมาทันที




ยินดีต้อนรับสู่ HondaCityClub (http://hondacityclub.com/board/) Powered by Discuz! 7.2