ซีฟู้ดสไตล์ไทยๆ รสจัดถึงใจที่ "แหลมเจริญ ซีฟู้ด"
[i=s] แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11/11/2013 14:30 โดย katip1 [/i][i=s] แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11/11/2013 14:28 โดย katip1 [/i]
ซีฟู้ดสไตล์ไทยๆ รสจัดถึงใจที่ "แหลมเจริญ ซีฟู้ด"
[img]http://static.wongnai.com/wdiary/166/laem-charoen-seafood-04.jpg[/img]
บรรยากาศภายในร้าน
จากร้านอาหารทะเลชื่อดังของจังหวัดระยอง ที่ครองใจนักชิมทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่มาอย่างยาวนาน จนต้องขยายสาขาความอร่อยมายังกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ ทั่วไทย ซึ่งผ่านมาจนถึงวันนี้ ก็เป็นเวลา 30 กว่าปีแล้วที่ "แหลมเจริญซีฟู้ด"ยังคงเป็นร้านอาหารที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องอาหารทะเลเป็นอันดับต้นๆ ของไทย และเป็นร้านแรกๆ ที่ผู้คนจะนึกถึง หากต้องการจะกินอาหารทะเลที่สดเหมือนกินอยู่ชายทะเล และปรุงรสชาติแบบจัดจ้านสไตล์ไทยๆ ซึ่งเป็นรสชาติที่ถูกปากคนไทยมากกว่า และเป็นรสชาติที่กินแล้วไม่มีเบื่อ
นอกจากจะมีจุดเด่นในเรื่องรสชาติที่จัดจ้านแล้ว "แหลมเจริญ ซีฟู้ด" ยังมีจุดเด่นอยู่ที่การเลือกใช้วัตถุดิบอีกด้วย เพราะ "แหลมเจริญ ซีฟู้ด" จะคัดแต่ของดีๆ มาจากแหล่งวัตถุดิบหลายๆ แหล่ง เพื่อให้ได้แต่ของที่ดีที่สุดเท่านั้น และยังมีมาตรฐานในการคัดเลือกวัตถุดิบที่ชัดเจนอีกด้วย
[img]http://static.wongnai.com/wdiary/166/laem-charoen-seafood-13.jpg[/img]
"ปลากะพงทอดราดน้ำปลา"
[img]http://static.wongnai.com/wdiary/166/laem-charoen-seafood-11.jpg[/img]
น้ำปลาสูตรพิเศษของร้าน
มาตรฐานในการคัดเลือกวัตถุดิบของ "แหลมเจริญ ซีฟู้ด" ทำให้ลูกค้าได้อาหารที่มีขนาดและปริมาณที่เหมาะสม เช่น ปลาที่ใช้ทำอาหารจานเด่นของร้านอย่าง "ปลากะพงทอดราดน้ำปลา" (ราคา 420 บาท) จะต้องมีน้ำหนักอยู่ที่ 8 ขีด -1 กิโลกรัมเท่านั้น ถึงจะผ่านเกณฑ์
ซึ่งเมนู "ปลากะพงทอดราดน้ำปลา" นี้ นอกจากจะมีดีที่การใช้ปลาตัวโตได้มาตรฐานแล้ว ยังมีดีที่ความอร่อยจบในตัวเองด้วย เพราะขอแค่มีเพียงปลากะพงทอดกรอบๆ กับน้ำปลาสูตรพิเศษของร้าน แค่นี้ก็อร่อยแล้ว ไม่ต้องมีเครื่องเคียงตัวอื่นมาเพิ่มเติมแต่อย่างใด เพราะเนื้อปลาก็สดและฟู น้ำปลาก็หอมหวน และมีมิติในรสชาติ เพราะมีทั้งรสเค็มและรสหวานผสมกันอย่างลงตัว ทำให้อาหารจานที่ดูเหมือนง่ายๆ จานนี้ ขึ้นแท่นเป็นเมนูเด่นของ "แหลมเจริญ ซีฟู้ด" ที่ใครมาก็ต้องสั่ง และที่นี่ยังเป็นเจ้าแรกๆ อีกด้วย ที่คิดทำเมนู "ปลากะพงทอดราดน้ำปลา" ขึ้นมา จากที่ร้านอื่นจะใช้แต่ปลาชนิดอื่น ไม่ได้ใช้ปลากะพง
[img]http://static.wongnai.com/wdiary/166/laem-charoen-seafood-03.jpg[/img]
"แกงส้มกุ้งแม่น้ำไหลบัว" ที่ใช้กุ้งแม่น้ำเนื้อแน่นๆ และไหลบัวกรอบๆ
ตามมาด้วย "แกงส้มกุ้งแม่น้ำไหลบัว" (ราคา 290/500 บาท) เมนูใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในเดือนตุลาคมนี้ มีจุดเด่นอยู่ที่เครื่องแกงส้มที่มีครบทั้งรสเปรี้ยว หวาน เค็มผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัว และยังใช้วัตถุดิบอย่าง "ไหลบัว" ที่สมัยนี้ค่อนข้างหากินยาก เพราะไม่ค่อยมีร้านไหนทำขาย ซึ่งไหลบัวที่ใช้นี้ มีความสดกรอบมากๆ ช่วยให้แกงส้มหม้อนี้ มีความหลากหลายทั้งในรสชาติและรสสัมผัสจริงๆ
[img]http://static.wongnai.com/wdiary/166/laem-charoen-seafood-02.jpg[/img]
"กั้งเนื้อผัดฉ่า"
ส่วนเมนูเอาใจคนชอบอาหารรสจัด ก็เห็นจะไม่พ้น "กั้งเนื้อผัดฉ่า" (ราคา 350 บาท) อีกหนึ่งเมนูใหม่ที่ใช้กั้งเนื้อซึ่งแม้จะตัวเล็กลงมาจากกั้งปกติทั่วไปเล็กน้อย แต่เนื้อก็แน่นเหนียวนุ่มและมีความมันกว่ากั้งทั่วไปอยู่มาก และเมื่อเอา "กั้งเนื้อ" มาผัดฉ่ากับสมุนไพรไทยที่ระดมใส่ทั้งกระชาย พริกไทยสดและพริกขี้หนูตำแบบถึงเครื่อง ความร้อนแรงจัดจ้านถึงขั้นซี้ดปากก็บังเกิดขึ้น !!
[img]http://static.wongnai.com/wdiary/166/laem-charoen-seafood-15.jpg[/img]
[url]http://www.laemcharoenseafood.com[/url]
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที [url]http://www.wongnai.com/articles/laem-charoen-seafood[/url] [img]http://static.wongnai.com/wdiary/166/laem-charoen-seafood-07.jpg[/img]
"แกงเนื้อปูใบชะพลู" เสิร์ฟพร้อมเส้นหมี่ลวก
ส่วนคนไม่นิยมอาหารรสเผ็ด จะต้องลองสั่ง "แกงเนื้อปูใบชะพลู" (ราคา 360 บาท) เมนูโบราณที่หากินยากในกรุงเทพฯ และน้อยนักที่ร้านไหนจะใส่เนื้อปูและใบชะพลูให้ท่วมชามขนาดนี้ เมนูนี้มีความอร่อยลงตัวหลายๆ อย่างมารวมอยู่ด้วยกันในชามเดียว เริ่มตั้งแต่น้ำแกงที่เข้มข้นจากกะทิและเครื่องแกงขมิ้นหอมๆ ปรุงรสให้หวานเค็มกลมกล่อม รสไม่จัด ทำให้คนไม่กินเผ็ดสามารถกินได้อย่างสบายใจ จากนั้นก็ระดมใส่ทั้งใบชะพลูและเนื้อปูแกะชิ้นใหญ่ๆ ลงมาเต็มชาม เสิร์ฟมาคู่กับเส้นหมี่เหนียวนุ่มราดกระเทียมเจียวให้กินด้วยกัน อร่อยจนเกินห้ามใจ
[img]http://static.wongnai.com/wdiary/166/laem-charoen-seafood-02.jpg[/img]
"กั้งเนื้อผัดฉ่า"
หากมองถึงวิถีชีวิตคนเมืองหรือคนที่อยู่ไกลจากทะเลแล้ว การได้กินอาหารทะเลสดๆ ใหม่ๆ ที่ปรุงรสชาติได้ถูกปากถูกใจ ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ติดใจได้ไม่ยาก บวกกับทำเลที่ตั้งของ "แหลมเจริญ ซีฟู้ด" ที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทำให้การเข้าถึงความอร่อยของอาหารทะเลเป็นไปได้ง่ายและสะดวกขึ้น
ปัจจุบัน แหลมเจริญ ซีฟู้ด เปิดให้บริการ 10 สาขา ได้แก่
สาขาระยอง 038-940-094
สาขาสี่แยกเหม่งจ๋าย 02-274-3619
สาขารามอินทรา 02-521-0641-2
สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ 02-646-1040
สาขาเซ็นทรัล พลาซา ขอนแก่น 043-001-855
สาขาพาราไดซ์ พาร์ค ถ.ศรีนครินทร์ 02-787-2347
สาขาสยามพารากอน 02-610-9244
สาขาเซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว 02-103-4004
สาขาสีลม คอมเพล็กซ์ 02-231-3155
สาขาเซ็นทรัล พลาซา อุดรธานี 042-110-133
[img]http://static.wongnai.com/wdiary/166/laem-charoen-seafood-15.jpg[/img]
[url]http://www.laemcharoenseafood.com[/url]
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที [url]http://www.wongnai.com/articles/laem-charoen-seafood[/url] :P:shutup: หิวเลยจ้าา อิอิ
หน้า:
[1]