HondaCityClub's Archiver




Image Hosted by CompGamer Image Host

Image Hosted by CompGamer Image Host   Image Hosted by CompGamer Image Host

nonto กระทู้เมื่อ 11/9/2013 15:36

ทำไมเราถึงต้องเติมลมยาง

[img]http://www.toyotanon.com/article-images/toyota_2013-09-09-10-13-03.jpg[/img]

อย่างที่เข้าใจกันว่ายางรถยนต์นั้น เป็นส่วนที่ต้องรับภาระทั้งในการรับน้ำหนักของรถทั้งคัน ทั้งหมุนเสียดสีกับพื้นถนน แต่กลับเป็นส่วนที่หลายคนละเลยที่จะดูแล จนยางอยู่ในสภาพที่ใช้แทบไม่ได้จึงมาเปลี่ยน

เพราะการที่มองว่ายางไม่ใช่อุปกรณ์ที่ซับซ้อน เป็นแค่ยางดำๆ รูปวงกลม แต่ตัวยางรถเองก็ต้องการดูแลเช่นกัน ถ้าอยากให้ยางอยู่กับเรานานๆ ใช้มันได้คุ้มกับเงินที่เสียไป เพราะเปลี่ยนทีก็ไม่ใช่น้อยๆ นะครับ

[b][u][color=#40FF00]มาตรฐานการเติมลมยางของรถแต่ละประเภท[/color][/u][/b]
1. รถเก๋ง ความดันสูงสุด ไม่ควรเกิน 36 ปอนด์ / ตารางนิ้ว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของรถนั้นๆ ด้วย
1.1. รถเก๋งขนาดเล็ก  ความดันลมยาง ประมาณ 25 - 30 ปอนด์ / ตารางนิ้ว
1.2. รถเก๋งขนาดกลางถึงใหญ่  ความดันลมยาง ประมาณ 30 - 35 ปอนด์ / ตารางนิ้ว
2. รถกระบะ ความดันลมยาง ไม่ควรเกิน 65 ปอนด์ / ตารางนิ้ว
*ในรถส่วนใหญ่จะมีแผ่นบอกความดันลมยาง ที่ตรงช่องประตูคนขับ

[b][u]การเช็คลมยาง[/u][/b]
1. ควรเช็คลมยางขณะยางยังเย็นอยู่ จะได้ค่าที่แม่นยำที่สุด เพราะเมื่อรถเคลื่อนที่ ล้อจะมีการเปลี่ยนรูปและเกิดความร้อนขึ้นที่ตัวยาง ส่งผลให้ความดันภายในยางเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การวัดค่าผิดเพี้ยนได้
2. โดยทั่วไปลมยางจะอ่อนลงประมาณ 2-3 ปอนด์ต่อเดือน ซึ่งถ้าตรวจเช็คว่ามีลมยางหายไปมากกว่านั้นมาก ควรให้ร้านยางตรวจสอบ อาจมีจุดรั่วซึมที่ผิดปกติ
3. หาคู่มือมาอ่านเพื่อค่าลมยางที่ถูกต้องสำหรับรถแต่ละรุ่น ซึ่งโดยทั่วไปคู่มือรถจะต้องบอกค่าลมยาง ขนาดของล้อที่เป็นค่ามาตรฐานของรถรุ่นนั้นๆ

[b][u]การเติมลมยาง[/u][/b]
ถ้าเราซื้อยางมาจากร้านขายยาง ทางร้านมักมีบริการเติมลมยางให้ฟรี จะตลอดการใช้งานหรือ แค่ 2-3 ครั้ง ตามแต่ตกลง แต่ถ้าเราซื้อยางมาเองและให้ร้านใส่ให้ หรือกรณีไม่มีบริการเติมลมยางฟรี เราก็สามารถเติมเองได้ตามปั้มน้ำมันที่เขามีหัวเติมลมยางบริการให้อยู่แล้ว เช่นปั้ม ปตท. จะมีตู้เติมลมยางอยู่ เราแค่ตั้งความดันตามที่เราต้องการและเอาสายไปเติมได้เลยโดยมีข้อระวังง่ายๆ ดังนี้
เติมลมยางมากเกินไป จะทำให้หน้ายางสัมผัสกับตัวถนนได้น้อยลง ทำให้ดอกยางตรงกลางจะสึกมากกว่าด้านข้าง ไม่สม่ำเสมอกัน ซึ่งอาจส่งผลให้ยางรถระเบิดได้อีก เพราะรับแรงยืดหยุ่นแรงกระแทกได้น้อยลง
เติมลมยางน้อยเกินไป จะทำให้ดอกยางไม่เรียบ ไหล่ยางสึกมากกว่ากลางยาง ทำให้เราควบคุมพวงมาลัยได้ยากขณะเข้าโค้ง และเมื่อความร้อนสูงมากๆ จะทำให้ยางเสียรูปจนไม่สามารถแก้กลับคืนมาได้
[u]เทคนิคเพิ่มเติมในการเติมลมยาง[/u]
1. ยางที่เพิ่มซื้อมาใหม่ โครงสร้างยางยังอยู่ในช่วงขยายตัว ทำให้ความดันไม่คงที่ ควรมีการตรวจเช็คลมยางบ่อยสักหน่อยในช่วง 3000 กม. แรกของการใช้
2. จากหัวข้อเช็คลมยาง เมื่อเราขับรถไปสักระยะยางจะร้อนและความดันของยางจะเพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่ผู้ใช้รถก็มักจะใช้บริการเติมลมตามปั้มน้ำมัน ซึ่งต้องขับรถมาจนยางร้อน ฉะนั้นควรเติมลมยางมากกว่าปกติสัก 2 ปอนด์เผื่อเอาไว้
3. ถ้าขณะยางร้อน และเช็คว่าความดันยางสูง ไม่จำเป็นต้องปล่อยลมยางออก ค่าที่ได้มันไม่แน่นอน รอตอนยางเย็นค่อยเช็คอีกที
4. เพื่อป้องกันไม่ให้ลมรั่วซึมมากเกินไป ควรเปลี่ยนแกนวาล์วทุกครั้งที่เปลี่ยนยางใหม่ และตรวจสภาพจุ๊บลมด้วย
5. นำยางอะไหล่สำรองมาตรวจเช็คบ้าง เผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน
6. ถ้าคุณมักขับรถระยะทางไกล หรือขับความเร็วสูง ควรเติมลมยางเพิ่มกว่าปกติสัก 3-5 ปอนด์

[b][u]การสลับยาง[/u][/b]
เมื่อใช้รถไปสักระยะ ยางรถในแต่ละล้อจะสึกหรอไม่เท่ากัน อยู่ที่การขับของเรา แต่โดยมากล้อหน้ามักสึกมากกว่าล้อหลัง เพื่อยืดอายุของยาง และใช้งานได้ดี คุ้มค่า ควรสลับยางทุกๆ 10,000 กม. เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและการควบคุมรถ

สำหรับยางรถยนต์ ถือเป็นตัวกำหนดความปลอดภัยอันดับต้นๆ ของการขับรถเลยทีเดียว เป็นเรื่องสมควรจะใส่ใจ และตรวจเช็คนะครับ

ข้อมูลจาก
[url=http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=182]ทำไมเราถึงต้องเติมลมยาง[/url]
[url]http://www.toyotanon.com[/url]

แมวดำ กระทู้เมื่อ 11/9/2013 20:41

ขอบตุณครับ

rnon กระทู้เมื่อ 20/9/2013 23:12

:) ข้อมูล ดีๆๆ ขอบคุนคับ

หน้า: [1]

Powered by Discuz! Archiver 7.2  © 2001-2009 Comsenz Inc.
Translated Thai by Jaideejung007(Thzaa.com)